ราชบุรี บก.สส.ภ.7 จับกุมขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดชายแดน
ตำรวจภาค 7 จับกุมขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมของกลางเป็นยาบ้า 1.2 หมื่นเม็ด ไอซ์ 4 กิโลกรัม พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินได้ประมาณ 2,000,000 บาท
.
(3 ก.พ.64) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่กองกำกับการสืบสวน 1 บก.สส.ภ.7 ตำบลหนองอ้อ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ตามนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เน้นย้ำเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิด-19 โดยกำหนดมาตรการในเฝ้าระวังและป้องกันปราบปรามอาชญากรรมตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านฯ ตำรวจภูธรภาค 7 จึงได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวังและกวดขันจับกุม กลุ่มเครือข่ายการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย, การลักลอบขนของหนีภาษี, และการลำเลียงยาเสพติดนำเข้าตามแนวชายแดนทางช่องทางธรรมชาติฯ ทางประเทศเพื่อนบ้าน ในพื้นที่ ภ.7 โดย พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7,พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผบ.กกล.สุรสีห์, พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.ภ.7, พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี, พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า, พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ รอง ผบก.สส.ภ.7, พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน รอง ผบก.สส.ภ.7 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศอ.ปส บก.สส.ภ.7 จับกุมขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จาก อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เข้ามาพื้นที่ตอนใน ก่อนจะจับตัวผู้ต้องหาได้ รวม 4 นาย พร้อมของกลาง
.
ล่าสุดวันนี้ พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ รอง ผบก.สส.ภ.7 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน รอง ผบก.สส.ภ7, พ.ต.อ.ณัฐพิสิษฐ์ รัตนอุดมพล ผกก.สส.1 บก.สส.ภ 7 และ พ.ต.ท.ทศพร รุ่งเรืองศุภรัตน์ รอง ผกก.สส. บก.สส.ภ7 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 และ พ.ต.ต.ชูสิทธิ์ มนตรีมุข สว.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้นำของกลาง และแผนผังเครือข่ายผู้กระทำผิด มาแถลงผลการจับกุมขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ต่อ สื่อมวลชน
.
จากการแถลงผลการปฏิบัติ ได้ร่วมจับกุมผู้ต้องหา คือ 1.นายอ้วน หรือ มายๆ อายุ 41 ปี เชื้อชาติมอญ สัญชาติเมียนมา อยู่ที่ประเทศเมียนมา ผู้ต้องหาที่ 1, ผู้ต้องหาที่ 2 นายนิติศักดิ์ เกสรสิทธิ์ หรือ เต้ อายุ 34 ปี ชาว ต.ห้วยทราย อ.หนองแค จ.สระบุรี ผู้ต้องหาที่ 3 นายณรงค์ วรรณมาส อายุ 28 ปี ชาว ต.กลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช และ ผู้ต้องหาที่ 4 นายทศพร โปยิ้ม หรือ บ่าว อายุ 34 ปี ชาว ต.เปลี่ยน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยของกลาง, 1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ( ไอซ์ ) น้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัม, 2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ( ยาบ้า ) จำนวน 6 มัด (ประมาณ 12,000 เม็ด), 3. รถยนต์กระบะอีซูซุ รุ่น ดีแม็ก สีขาว หมายเลขทะเบียน กษ 8047 นครศรีธรรมราช จำนวน 1 คัน, 4. รถยนต์บรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 81-6312 จำนวน 1 คัน และ รายการที่ 5.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง และทองคำรูปประพรรณ 2 เส้น
โดยกล่าวหาว่าผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ” ร่วมกัน นำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ไอซ์) โดยผิดกฎหมายและร่วมกัน มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ไอซ์) ไว้ในความครอบเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เวลาประมาณ 16.40 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้วางแผนจับกุมผู้ต้องหา และจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ ริมถนนสาธารณะหมู่ 9 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ต่อเนื่อง ห้องพักโรงแรม ตำบลปากแรต อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ต่อเนื่อง สถานีบริการน้ำมันบางจาก ตำบลหนองอ้อ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
.พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ รอง ผบก.สส.ภ.7 กล่าวว่า โดยพฤติการณ์การจับกุม สืบสวนทราบว่ามี นายนิติศักดิ์ หรือ เต้ฯ ซึ่งมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด กล่าวคือ เป็นเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดฯ จากแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เข้าสู่พื้นที่ตอนใน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ จัดหาสายลับและอำพรางตัวร่วมกับสายลับ สืบสวนหาข่าวเครือข่ายของนายนิติศักดิ์ หรือ เต้ๆ กับพวก และตามวันเวลาที่จับกุมสายลับและตำรวจอำพราง รับคำสั่งให้ขึ้นไปลำเลียงยาเสพติด จากนายอ้วน ฯ ชายชาวพม่าในพื้นที่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอำพรางตัวไปกับสายลับ ในการรับยาเสพติด และนำมาส่งให้กับบุคคลในพื้นที่ตอนใน ชายชาวพม่า ได้นำยาเสพติดมาส่งมอบ จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมได้พร้อมของกลาง ทราบชื่อผู้ต้องหาคือ นายอ้วน ชายชาวพม่า พร้อมด้วย นายนิติศักดิ์ หรือ เต้ๆ นายทศพร หรือ บ่าวฯ และ นายณรงค์ฯ หรือ แบงค์ และจะจะได้ขยายผลไปถึงผู้สั่งการหรือผู้ร่วมกระทำผิดในคดีนี้ต่อไป
.
พ.ต.อ.ปรีดาฯ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของ พรบ.มาตรการการป้องกันและปราบปราม พ.ศ.2534 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการตรวจยึด รถยนต์บรรทุก 10 ล้อ รถยนต์กระบะ และทรัพย์สินอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องการกระทำความผิดในคดีนี้ โดยตรวจยึดทรัพย์สินได้ประมาณ 2,000,000 บาท.
ประวิทย์ ลิ้มเจริญ รายงาน