ราชบุรี ลุงของหนุ่มร่อนทองลวงโลก นำกระเช้าขอโทษนักข่าวตาเป้-แจ้งความสื่อ
ครอบครัวของหนุ่มลวงโลกกุเรื่องร่อนทองที่ราชบุรี นำกระเช้ามาขอโทษนักข่าวท้องถิ่นประจำจังหวัดราชบุรี “ตาเป้” ต่อหน้านายอำเภอเมือง ครอบครัวเผยหนุ่มรายนี้ป่วยทางจิต ด้านนักข่าวไม่ติดใจและยินดีจะไปถอนแจ้งความ ส่วนสื่อหรือสำนักข่าวที่เอ่ยชื่อทั้งทางออนไลน์และทางโทรทัศน์ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงพร้อมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
(1 ก.พ. 64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าครอบครัวหนุ่มลวงโลกกุเรื่องร่อนทองที่ราชบุรี ได้มอบให้นายสมเกียรติ เฉลิมดิษฐ์ อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นลุงของนายกรภัทร พรของแม่ อายุ 33 ปี ผู้ใช้เฟซบุ๊กว่า “จอนนี่ ผู้พิชิต เส้นทางอสรพิษ” ที่ได้กุเรื่องการร่อนทองคำ ภายในคลองชลประทาน หลังสนามกอล์ฟบ้านดอนแจง ใกล้คอกม้า หมู่ที่ 5 ต.ดอนตะโก ติดกับ หมู่ที่ 4 ตำบลคูบัว อ.เมือง จ.ราชบุรี จนทำให้ชาวบ้านทั่วไปแตกตื่น แห่มาร่อนทองกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางจังหวัดราชบุรี หวั่นเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 จึงมีการสืบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหน่วยงานต่างๆ พบว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง จึงได้มีคำสั่งปิดสถานที่ไป ภายหลังทราบข่าวว่า นายกรภัทร พรของแม่ ได้ออกมาสารภาพผ่านสื่อมวลชน ระบุว่าเป็นการกุเรื่องขึ้นมาเพื่ออยากดังข้ามคืน อีกทั้งได้มีการพาดพิงถึง นักข่าวประจำจังหวัดราชบุรีที่ชื่อ “ป” จัดฉากอยู่เบื้องหลัง และโกงค่าตัวที่ไปออกรายการทีวีช่องหนึ่ง จำนวน 1 หมื่นบาท และ สื่อหลายช่องยังกล่าวว่า นักข่าวรายนี้มีการขู่ฆ่าหนุ่มร่อนทองด้วยนั้น
.
ล่าสุดเย็นวันนี้ เวลา 17.00 น. (1 ก.พ.64) นายสมเกียรติ เฉลิมดิษฐ์ ผู้เป็นลุงของนายกรภัทร รวมถึงญาติผู้ใหญ่ ได้นำกระเช้าเครื่องดื่มชูกำลัง มาขอโทษต่อ นายสิริมงคล ไกรวงศ์วิชญ์ หรือ ตาเป้ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดราชบุรี เจ้าของเพจ ตาเป้ ต่อหน้านายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอเมือง ที่ห้องทำงานของท่านนายอำเภอ ที่ว่าการอำเภอเมือง จ.ราชบุรี เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษในสิ่งที่นายกรภัทร ได้กล่าวพาดพิงสร้างเรื่องว่า ตาเป้ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังและจัดฉาก โกงเงินค่าตัว และ ข่มขู่ ซึ่งนายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนต้องขอโทษแทนหลานชายและครอบครัวด้วย ที่มาสร้างเรื่องจนทำให้ ตาเป้ เสื่อมเสียชื่อเสียง ขออย่าได้โทษโกรธนายกรภัทรเลยให้โอกาสเขา เนื่องจากมีอาการป่วยทางจิต ขณะนี้กำลังรักษาตัวน้องอยู่เพราะเขาป่วยทางจิต ซึ่งกระทำต่อหน้านายอำเภอเมืองราชบุรี เป็นสักขีพยานว่านายสิริมงคล ไกรวงศ์วิชญ์ หรือ ตาเป้ จะไม่เอาเรื่องพร้อมยินดีที่จะถอนแจ้งความ และต้องขอขอบคุณตาเป้มากที่ไม่เอาเรื่อง
.ส่วนนายสิริมงคล หรือ ตาเป้ กล่าวว่า จากที่ให้สัมภาษณ์ไป น้องคนราชบุรีเหมือนกัน คุยกันได้ แต่เสียความรู้สึก ผมไม่ถือโทษโกรธกัน ขอบคุณลุงที่มาเป็นตัวแทนของครอบครัวน้องมาขอโทษผม จากหัวข้อประเด็นข่าวที่สื่อมวลชนต่างๆ นำเสนอไปยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ทั้งทามไลน์ ตาเป้ รู้จัก หลังสื่อหัวเขียวได้นำเสนอไปเมื่อวันที่ 22 ม.ค.64 และรุ่งเช้าของวันที่ 23 ม.ค.64 ด้วยซ้ำไป ในเรื่องเงินค่าแขกรับเชิญร่วมรายการ ได้มีใบต้นขั้วอยู่แล้วจากหลักฐาน 2,500 บาท อีกประเด็นที่มีการอ้างว่ามีการขู่ฆ่า ซึ่งตนเองก็ไม่เคย ไม่ใช่นักเลง และมีการโทรติดต่อน้องล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ม.ค.64 เห็นน้องสัมภาษณ์ข่าวอยู่ หลังจากนั้นก็ไม่รับโทรศัพท์ของผมอีกเลย จึงไม่เข้าใจว่าตนเองไปขู่ฆ่าเขาตอนไหน เพราะติดต่อเขาไม่ได้ หลังจากนี้จะเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรี จะไปถอนแจ้งความนายกรภัทรให้ จากนั้นทั้งสองก็ได้จับมือกัน กอดกันก่อนที่คุณลุงของหนุ่มร่อนทองจะเดินออกจากห้องนายอำเภอไป ในส่วนเรื่องของคดีอื่น เบื้องต้นได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับสื่อหลักที่มีการออกมากล่าวพาดพางถึงชื่อของตาเป้ เผยแพร่ผ่านสื่อโดยที่ไม่มีการตรวจสอบ หรือ สัมภาษณ์ขอเท็จจริงสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อวงตระกูล ทำให้มีคน ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ส่วนจะสื่อหรือสำนักข่าวใดบ้างนั้น เบื้องต้นดำเนินการแจ้งไปแล้ว 2 สื่อ และกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความเพิ่มเติม ตาเป้กล่าว
.
ด้านนายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอเมือง กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ยุติกันได้ จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาในการกระบวนการพนักงานสอบสวน และในชั้นศาล ถ้าไกล่เกลี่ยกันได้ก็เป็นเรื่องดี เรื่องนี้จึงอยากให้เป็นบทเรียน ข้อคิด ข้อมูลข่าวสารเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย และเข้าถึงที่แตกต่างกันหลายระดับ เรื่องบางเรื่องควรจะเป็นเรื่องจริง เรื่องที่ตรวจสอบได้ มีหน่วยงานราชการยืนยัน บางครั้งพอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาแล้ว แม้แต่ตนเองได้ออกไปชี้แจงก็ยังมีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ทั้งที่หน่วยงานราชการได้พยายามที่จะคำนึงถึงเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะชนและส่วนรวมอยู่แล้ว โดยเฉพาะห้วงเวลานี้เป็น ไม่ปกติหวั่นเกรงการแพร่ระบาดของโรค สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคได้ การรับรู้ข้อมูลข่าวสารจึงเป็นเรื่องสำคัญ อยากให้สังคมได้รับบทเรียน โดยเฉพาะ อ.เมืองราชบุรี เวลาศึกษาข้อมูลข่าวสารควรวิเคราะห์ให้ดีก่อน ให้ใช้วิจารณญาณ อยู่อย่างสงบเรียบร้อย สังคมก็จะเป็นสุข เรื่องนี้คงต้องว่ากันไปตามกระบวนการของพนักงานสอบสวน ซึ่งให้ทางตำรวจจัดการแล้ว ผมเองหมดหน้าที่แล้ว ก็คอยดูและทำให้พวกเราอยู่อย่างสงบไม่มีปัญหา ถ้าให้ใครพูดจาเจรจาคุยกันได้ก็ยินดี .
ประวิทย์ ลิ้มเจริญ รายงาน