สมุทรสาคร ปล่อยแรงงานต่างด้าว292คนปลอดเชื้อ จากโควิด 19 กลับคืนสู่ตลาดกลางกุ้ง
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2564 นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าฯ นายแพทย์นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร และผู้แทนจากหลายภาคส่วน ได้ร่วมกันส่งตัวแรงงานข้ามชาติ 292 คน ที่ถูกกักตัวอยู่ในศูนย์ห่วงใยคนสาครแห่งที่ 1 สนามกีฬากลางจังหวัดสมุทรสาคร กลับคืนสู่ตลาดกลางกุ้ง จังหวัดสมุทรสาคร หลังจากที่กักตัวจนครบกำหนดระยะเวลา 10 -14 วัน แล้วตรวจซ้ำไม่พบเชื้อโควิด 19 เป็นการยืนยันว่าแรงงานข้ามชาติทั้ง 292 คน ปลอดเชื้อ ปลอดภัย ปลอดโรคโควิด 19 แน่นอน โดยทุกคนที่จะได้เดินทางกลับสู่ตลาดกลางกุ้งนั้น ต่างก็รู้สึกดีใจและมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้า เร่งขนข้าวขนของขึ้นรถ พร้อมกันนี้ยังได้รับถุงยังชีพจากสภากาชาดไทย เป็นขวัญและกำลังใจแก่ทุกคนๆ ละ 1 ถุงอีกด้วย
ส่วนบรรยากาศที่ตลาดกลางกุ้ง จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อรถนำส่งกลุ่มผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด 19 กลับมาสู่ตลาดกลางกุ้งนั้น ก็ปรากฏว่ามีบรรดาเพื่อนๆ แรงงานข้ามชาติที่อยู่ในตลาดกลางกุ้ง มารอรับกันอย่างใจจดใจจ่อและดีใจส่งเสียงเฮปรบมือลั่น เมื่อรถขับเข้ามาถึงภายในตลาด ซึ่งรอยยิ้มนั้นไม่เพียงแค่ปรากฎบนใบหน้าของแรงงานต่างด้าวที่ได้กลับมาเท่านั้น แต่รอยยิ้มยังมีให้เห็นบนใบหน้าของแรงงานที่มารอรับทุกคนกลับมาอีกด้วย
ทั้งนี้สำหรับในส่วนของขั้นตอนเมื่อกลับมาถึงตลาดกลางกุ้งแล้วนั้น ก่อนอื่นก็จะต้องเข้าแถวเพื่อทำทะเบียนประวัติบุคคลเข้าพื้นที่ควบคุมพิเศษ โดยมีเจ้าหน้าที่ ตม.สมุทรสาคร คอยตรวจเอกสารที่แรงงานข้ามชาติจะต้องยื่นเพื่อกรอกข้อมูล ประกอบด้วย หนังสือรับรองผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด 19 จากสำนักงานสาธารณสุข และพาสปอร์ต จากนั้นก็กลับเข้าไปหาครอบครัว หรือเพื่อนๆ ใช้ชีวิตอยู่ในตลาดกลางกุ้งได้เหมือนเดิม ซึ่งบางคนก็มีลูกน้อยมาคอยรอรับ เมื่อลูกเห็นแม่ก็ร้องไห้ รีบวิ่งไปหาแม่ด้วยความดีใจทั้งแม่และลูก บางคนก็มารอรับสามี ภรรยา เพื่อนร่วมห้อง หรือลูกหลานกลับคืน แต่ทุกคนต่างก็มีความรู้สึกเดียวกันคือ ดีใจที่ได้กลับมาอยู่กับคนในครอบครัวและเพื่อนๆ ที่ตลาดกลางกุ้งอีกครั้ง
นายมานะ เปาทุย สาธารณสุขอำเภอเมืองสมุทรสาคร ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบดูแลแรงงานข้ามชาติ ที่พักอาศัยอยู่ในตลาดกลางกุ้ง นับตั้งแต่มีการตรวจพบเชื้อครั้งแรกคือ วันที่ 17 ธันวาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน 10 มกราคม 2564 บอกว่า วันนี้แรงงานข้ามชาติในตลาดกลางกุ้งต่างรู้สึกดีใจที่เพื่อนๆ ซึ่งออกไปอยู่ที่ศูนย์ห่วงใยคนสาคร จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง พวกเขาต่างมาเฝ้ารอต้อนรับทุกคนกลับบ้าน ซึ่งในส่วนของแรงงานข้ามชาติที่ยังคงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษในตลาดกลางกุ้งคือ กลุ่มก้อนสีขาว หรือผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อมีอีกราวๆ 1,000 คน ส่วนผู้ที่ตรวจพบเชื้อประมาณ 700 คน ก็ถูกแยกออกไปอยู่ในศูนย์ห่วงใยคนสาครตามกระบวนการคัดกรองโรค และส่วนที่เหลือคือผู้ที่ติดเชื้อแล้ว รักษาหายแล้ว จนมีภูมิคุ้มกันแล้ว และได้กลับมาอยู่ในตลาดกลางกุ้งอีกครั้ง ดังนั้นหากกลุ่มก้อนที่สีขาวที่จะต้องมีการตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้งในวันที่ 22 มกราคมนี้ ถ้าไม่มีการพบเชื้อเพิ่ม หรือพบเพียงเล็กน้อย ก็จะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ตลาดกลางกุ้งปลอดภัย สามารถที่จะเปิดให้ค้าขายได้เป็นปกติ ส่วนมาตรการในการป้องกันควบคุมกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่กลับเข้ามาอยู่ในตลาดกลางกุ้งอีกครั้งคือ ถ้าเข้ามาแล้วก็ห้ามออกไป แต่ถ้าจะออกไป ก็จะต้องเขียนคำร้องขอออกนอกพื้นที่ควบคุม และจะเข้ามาไม่ได้อีก จนกว่าตลาดกลางกุ้งจะเปิดทำการค้าขายตามปกติ
ด้านนายณภัทร์ เอมอ่อน นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร กล่าวว่า หลังจากที่รับกลุ่มบุคคลที่เคยตรวจพบเชื้อ และรักษาจนหายมีภูมิคุ้มกันโควิด 19 กลับคืนมาสู่ที่พักในตลาดกลางกุ้งแล้วนั้น ก็จะยังคงมาตรการในการรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเช่นที่เคยปฏิบัติมา โดยบูรณาการร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ทหาร สาธารณสุข เหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยกันทำให้ทุกคนอยู่ในตลาดกลางกุ้งด้วยความสงบเรียบร้อย เพื่อรอวันที่เปิดตลาดกลางกุ้งได้ตามปกติ
ส่วนนายแพทย์นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ได้บอกว่า สำหรับแรงงานที่ผ่านการกักตัวจนครบทั้ง 292 คน ตามกำหนดแล้วนี้ ถือเป็นบุคคลที่มีความปลอดภัยต่อสังคมแล้ว โดยพวกเขาจะไม่มีการแพร่เชื้อโควิด 19 ไปสู่บุคคลอื่น และจะไม่รับเชื้อเข้ามาในตัวเองอีก ดังนั้นกลุ่มคนเหล่านี้สามารถที่จะกลับไปใช้ชีวิตประจำวันและทำงานได้ตามปกติ ซึ่งนับจากนี้ทุกคนก็จะต้องกลับเข้าไปอยู่ในตลาดกลางกุ้ง และกักตัวเองอีก 14 วัน จนกว่าจะถึงวันที่ตลาดเปิดทำการค้าขายตามปกติ ดังนั้นจึงขอให้พี่น้องประชาชนทุกคน เชื่อมั่นและไว้วางใจได้ว่า บุคคลเหล่านี้ไม่ใช่กลุ่มก้อนของผู้แพร่เชื้ออีกต่อไป ส่วนการตรวจหาผู้ติดเชื้อในสถานประกอบการขนาดใหญ่ ตามกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ได้ดำเนินการครบตามจำนวนแล้วประมาณ 100 แห่ง ผลปรากฎว่าพบมีผู้ติดเชื้อไม่เกินตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ส่วนแผนขั้นต่อไปคือ การตรวจหาผู้ติดเชื้อในกลุ่มโรงงานขนาดรองลงมา และกลุ่มเสี่ยงเพื่อดูการกระจายตัวของเชื้อโรค แต่ในภาพรวมขณะนี้พบว่า เชื้อโรคไม่มีการแพร่กระจายออกไปนอกโซนเป้าหมาย จึงเป็นข้อบ่งชี้ได้ว่า เราน่าจะสามารถควบคุมโรคได้ง่ายขึ้น และทำให้สถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น แต่ทั้งนี้เพื่อความไม่ประมาทเราก็จะยังคงสุ่มตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งหลังจากวันนี้ที่ให้กลุ่มผู้ปลอดเชื้อโควิด 19 จำนวน 292 คน กลับคืนสู่ตลาดกลางกุ้งแล้ว ในวันพรุ่งนี้ก็จะมีการส่งตัวผู้ถูกกักตัวกลับไปตลาดกุ้งเพิ่มอีกราวๆ 300 คน ซึ่งก็จะทำให้เตียงสนามว่างประมาณ 600 เตียง จึงสามารถรองรับผู้ติดเชื้อเข้ามาได้เพิ่ม
ปิดท้ายที่นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โดยรวมของจังหวัดสมุทรสาคร แม้จะพบผู้ติดเชื้ออยู่เรื่อยๆ แต่อยู่ในอัตราที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ ซึ่งถ้ายังคงเป็นแบบนี้ต่อไปก็ต้องถือว่าดีขึ้น ส่วนเรื่องของ โรงพยาบาลสนาม หรือศูนย์ห่วงใยคนสาคร ที่จังหวัดได้ประกาศอย่างเป็นทางการทั้งหมด 7 แห่ง คือ แห่งที่ 1 สนามกีฬากลางจังหวัด , แห่งที่ 2 วัดโกรกกราก , แห่งที่ 3 วัฒนาแฟคตอรี่,แห่งที่ 4 อาคารเฉลิมพระเกียรติเทศบาลตำบลนาดี,แห่งที่ 5ศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดช่องลม,แห่งที่ 6 อาคารศูนย์เรียนรู้แรงงานข้ามชาติ วัดเทพนรรัตน์ และแห่งที่ 7 อาคารเอนกประสงค์ อบต.ท่าทรายนั้น ณ ปัจจุบันก็น่าจะเพียงพอต่อการรองรับผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่ แต่เพื่อความไม่ประมาททางจังหวัดสมุทรสาคร โดยท่านรองสุรศักดิ์ ผลยังส่ง ก็ยังคงหาพื้นที่ๆ มีความเหมาะสมในการจัดเตรียมความพร้อมเพื่อจัดทำศูนย์ห่วงใยคนสาครต่อไป หากเกิดสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
ทีมข่าวสมุทรสาคร