สุพรรณบุรี ส่งท้ายปีเก่านักท่องเที่ยวแห่ขอพรหลวงพ่อโตห่มผ้าหลวงพ่อเงินในโบสถ์มอญเก่าแก่
ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พุทธศาสนิกชน เข้าวัดกราบไหว้ขอพรหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ และห่มผ้าองค์หลวงพ่อเงิน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ พระประธานภายในโบสถ์มอญมหาอุตม์ อายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปีภายในวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร
ที่ วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี สุพรรณบุรี พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวต่างพาครอบครัวเข้าวัดไหว้พระขอพรหลวงโต ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กันอย่างคึกคัก และร่วมกันห่มผ้าองค์หลวงพ่อเงิน เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปี ที่ประดิษฐานอยู่ภายในโบสถ์มอญ อยู่ด้านหลังวัดป่าเลไลยก์ ช่วงเทศกาลปีใหม่
นางสาวนันทพร บุราคม พร้อมครอบครัว และคณะเพื่อนสายบุญผู้ที่มีความศรัทธาความเชื่อในปาฏิหาริย์แห่งองค์หลวงพ่อเงิน ได้ร่วมกันนำผ้าลูกไม้นำเข้าจากต่างประเทศสีเหลืองทอง รองพื้นด้วยผ้าอิตาลี ช่างออกแบบให้มีสายพาดตรงกลางคล้ายสังวาลย์ปักด้วยคริสตัลสีนพเก้าอย่างดีนำมาถวายเป็นการทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ตามความเชื่อที่ว่าผู้ที่ทำบุญด้วยการถวายผ้าคลุมองค์พระ แด่พระสงฆ์ (หรือพระพุทธรูป) จะได้รับอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ในด้านความเป็นอยู่ จะพรั่งพร้อมไปด้วยอาภรณ์เครื่องประดับ มีเครื่องใช้ไม้สอยสะดวกสบาย สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีผิวพรรณงามสะดุดตา เป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้ที่พบเห็น จะเป็นที่รักใคร่ของเจ้านาย ผู้บังคับบัญชา บุตรหลานบริวารจะเกรงใจ เป็นที่นับหน้าถือตาของคนในสังคม อานิสงส์ผลบุญนี้จะส่งผลให้มีชีวิตที่สุขสบายตามความเชื่อ สำหรับผ้าที่นำมาห่มหลวงพ่อเงิน เป็นผ้าลูกไม้นำเข้า สีเหลืองทอง รองพื้นด้วยผ้าไหมอิตาลี ออกแบบให้มีสายพาดตรงกลางคล้ายสังวาลย์ ปักมือด้วยคริสตัลสีนพเก้าอย่างดี ตกแต่งขอบและชายผ้าอย่างปราณีตวิจิตรศิลป์ซึ้งมีขนาดของผ้ากว้าง 1เมตร ยาว 9 เมตร มูลค่ากว่า 60,000 บาท
สำหรับประวัติของโบสถ์มอญมหาอุด แต่เดิมเป็น (วัดมอญร้าง) สร้างโดยกลุ่มชนชาวมอญมีอายุ กว่า 1,000 ปี เป็นพระประธานหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งเมืองหลวงชาวมอญโบสถ์มอญที่มีขนาดเล็กจุคนได้ไม่มาก โบสถ์มอลจึงใช้สำหรับทำพิธีสังฆกรรมของพระภิกษุสงฆ์เท่านั้น ฆราวาสจึงไม่สามารถเข้าไปภายในได้ กาลเวลาเปลี่ยนยุคสมัยโบสถ์มอญแห่งนี้ก็ยังใช้งานสืบต่อเรื่อยมาใช้ สำหรับพระภิกษุเรียนวิปัสสนากัมมัฏฐานตลอดจนเป็นที่ฝึกฝนร่ำเรียนวิชาคาถาอาคมปลุกเสกเครื่องรางของขลังและศาตราวุธต่างๆของเกจิอาจารย์ ตลอดถึงแม่ทัพนายกองผู้เรืองวิชาในยุคก่อน ว่ากันว่าขุนแผนก็ใช้สถานที่นี้ฝึกฝนและเรียนวิชาคาถาอาคมตั้งแต่ตอนบวชเณรด้วยเช่นกัน เนื่องด้วยลักษณะตัวโบสถ์มีประตูเข้าออกแค่ทางเดียวบานเดียวไม่มีหน้าต่างเป็นที่มาของคำว่าโบสถ์มหาอุด จึงมีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ สำหรับทำพิธีต่างๆและด้วยเหตุนี้ครูบาอาจารย์ตั้งแต่โบราณ จึงไม่อนุญาตให้สตรีเข้าไปภายในโบสถ์มอญอย่างเด็ดขาดหากเข้าไปจะเกิดอาถรรพ์อาเภทต่างๆนานา แม้แต่ยุคสมัยเสือต่างๆในสุพรรณบุรี หรือแม้แต่เหล่าตำรวจมือปราบต่างก็เข้ามาฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อถิร อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ และได้ร่ำเรียนวิชาคาถาอาคมกันที่โบสถ์มอญมหาอุดแห่งนี้ด้วยเช่นกัน ปัจจุบันโบสถ์มอญมหาอุดเปิดให้เข้ากราบสักการะทุกวัน แต่ยังคงห้ามสุภาพสตรีเข้าเช่นเดิมตามกฎเกณฑ์ของครูบาอาจารย์แต่เก่าก่อนและยังคงไว้ ซึ่งความขลังความศักดิ์สิทธิ์จวบจนทุกวันนี้
ภัทรพล พรมพัก/สุพรรณบุรี