“คุณย่าขาลุย” ชวนนักแสดงร่วมรุ่น เยี่ยมชมตำหนักใหญ่ วังเทเวศร์
………………………………………………………………………………………………………………………
ตอบรับคำเชิญของ ปิ๋ว-ศากุน บุนนาค ที่ได้นัดหมายแก๊งค์ “คุณย่าขาลุย” ไปจิบน้ำชายามบ่าย ณ พระตำหนักใหญ่ วังเทเวศร์ งานเว่อร์วังปังปุริเยห์ เยี่ยงนี้! แก๊งค์คุณย่าขาลุย นำโดย แหม่ม-เทพยุดา ศรียาภัย, อ๋อย-สินาภรณ์ พิไลลักษณ์, ตุ้ม-รสริน จันทรา, แหม่ม-เนาวรัตน์ ซื่อสัตย์ จึงระดมก๊วนใหญ่ ชวนสองสาวรุ่นพี่ ษา-สุพรรณษา เนื่องภิรมณ์ และตุ๋ย-นวลปรางค์ ตรีชิต ไปลัดเลาะชมวังเทเวศร์ ชนิดเอาทุกตรอกออกทุกประตู ที่สำคัญยังได้รับเกียรติจากเจ้าของวัง พันเอกเฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ทายาทพระตำหนักใหญ่ วังเทเวศร์ ที่กรุณาเป็นไกด์กิติมศักดิ์นำพาชมบรรยากาศภายในอันสวยงาม พร้อมกล่าวเล่าท้าวความเป็นมาประวัติของพระตำหนักใหญ่แห่งนี้ให้ฟังเป็นความรู้อีกด้วย
สำหรับ ประวัติ พระตำหนักใหญ่ วังเทเวศร์ แต่เดิมเป็นที่ประทับของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานเป็นพระตำหนักที่ประทับ ครั้งดำรงตำแหน่งเป็น พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ การสร้างพระตำหนัก แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยที่พระองค์ได้ ทรงประทับ ณ พระตำหนักใหญ่แห่งนี้ ตลอดพระชนม์ชีพ (วันสิ้นพระชนม์ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๔)
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ทายาทของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ ได้แบ่งขายที่ดินวังเทเวศร์ ทำให้พื้นที่ในวังเทเวศร์ แบ่งออกเป็น ๓ ส่วนใหญ่ ๆ คือ
๑. บริเวณตำหนักหม่อมเจ้านักขัตรมงคล ตำหนักหลังนี้ หม่อมเจ้าอัปสรสมานกิติยากร พระมารดา ทรงสร้างประทานให้แก่ หม่อมเจ้านักขัตรมงคล และหม่อมหลวงบัว กิติยากร.. ตำหนักแห่งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ได้ ประทับตั้งแต่ ทรงพระเยาว์ ปัจจุบันเป็นที่พำนัก ของ ทายาทราชสกุลกิติยากร
๒. บริเวณตำหนักหม่อมเจ้าขจรจบกิตติคุณกิติยากร ซึ่งต่อมาได้ขายที่ดินและตำหนัก ให้แก่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ปัจจุบัน พื้นที่ส่วนนี้ อยู่ในการดูแล ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ และ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ซึ่งได้รักษาตำหนักไว้เป็นอย่างดี เป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่น
๓. บริเวณพระตำหนักใหญ่ ที่ประทับ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ เป็นตึก ๒ ชั้น ทรงสี่เหลี่ยม ตกแต่งหน้าต่างชั้นบนเป็นซุ้มโค้งกลม ประดับกระจก เป็นรัศมีพระอาทิตย์ครึ่งดวง ผนังประกอบด้วย เสาอิง แบบ DORIC และ IONIC บริเวณสนามด้านหน้า ตั้งตุ๊กตาปูนปั้นแบบกรีก กระถางปูนปั้น ประดับลายปูนปั้น
ต่อมา พระตำหนักใหญ่นี้ ได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของพระยาอนิรุทธเทวา (ม.ล. ฟื้น พึ่งบุญ) ซึ่งได้ซื้อไว้เป็นที่พักอาศัยส่วนตัว หลังจากได้ขายบ้านนารายณ์บรรทมสินธุ์ ให้แก่รัฐบาลไทย เพื่อใช้เป็นที่พำนักประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ปัจจุบันพระตำหนักใหญ่ อยู่ภายใต้การดูแลของทายาทตระกูลอนิรุทธเทวา.หลังจากการเสียชีวิตของ พระยาอนิรุทธเทวา ในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ พระตำหนักใหญ่ ได้ปิดตัวลง และ เสื่อมโทรมตามกาลเวลา
จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๕๐ พันเอกเฟื่องวิชช์ อนิรุทธเทวา (บุตร พล.อ.เฟืองเฉลย อนิรุทธเทวา) หรือ ผู้พันแซม ได้ย้ายที่พักจาก ตำหนักน้ำ (อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านหน้าพระตำหนักใหญ่) มายังพระตำหนักใหญ่ และทำการบูรณะซ่อมแซมทีละเล็กละน้อยเรื่อยมา โดยพยายามค้นคว้าศึกษาข้อมูลในอดีต เพื่อคงสภาพพระตำหนักใหญ่ ให้งดงามมีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติ แด่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ ผู้ทรงเป็นเจ้าของพระตำหนักใหญ่อย่างแท้จริง
ปัจจุบัน ผู้พันแซม หรือ พันเอก เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา นั้นมีดีกรี กัปตันและนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทย เหรียญทองซีเกมส์และเอเชียนเกมส์ ซึ่งเป็นหลานท่านพระยาอนิรุทธเทวา ถือเป็นผู้ดูแลงานบูรณะพระตำหนักใหญ่ วังเทเวศร์ ที่“ได้รับมอบหมาย” ได้ดำเนินการจนสำเร็จลุล่วงพร้อมเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมความงดงามของพระตำหนักใหญ่ วังเทเวศร์ ในอีกไม่กี่เพลานับต่อจากนี้ไป