กาญจนบุรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ออกตรวจพร้อมแนะนำการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ในสถานประกอบการพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดกาญจนบุรี โดยให้ปฏิบัติอย่างเข้มงวด หากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษทั้งจำทั้งปรับ และอาจต้องปิดสถานประกอบการด้วย
วันนี้ ( 22 ธันวาคม 2563 ) ตั้งแต่เวลา 19.00 น. ร้อยตรี พงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายแพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี พันเอกบรรเจิด จันทร์ส่งเสริม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.ต.สมัชชา มหาพรหม สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยวกาญจนบุรี ฝ่ายปกครองที่ว่าการอำเภอเมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ร่วมออกตรวจสถานประกอบการที่บริเวณโค้งประปา ถนนนานาชาติ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในจังหวัดใกล้เคียงอยู่ในขณะนี้ จังหวัดกาญจนบุรีได้มีคำสั่งในการปิดสถานประกอบการบางประเภท และสถานที่ สถานประกอบการ ที่จะต้องปฏิบัติอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันควบคุมโรคตามมาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยได้ตรออกตรวจติดตามการปฏิบัติตามมาตรการพร้อมขอความร่วมมือและให้คำแนะนำในการปฏิบัติอย่างถูกต้อง และเน้นย้ำให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด เพื่อให้อยู่ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และไม่เกิดการแพร่ระบาดภายในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19
จากการออกตรวจสถานประกอบการในภาพรวมสถานประกอบการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโควิด-19 ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเป็นอย่างดี ในส่วนที่ยังไม่เรียบร้อยก็ได้ให้นำแนะนำและพร้อมนำไปแก้ไขให้ถูกต้องต่อไป
ร้อยตรี พงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ในการตรวจติดตามการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของจังหวัดกาญจนบุรี จากการออกตรวจก็ได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติอย่างถูกต้องรวมทั้งแนะนำการติดตามตัวด้วยแอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” ซึ่งสถานประกอบการต่างๆก็ได้มีการปฏิบัติและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เนื่องจากไม่ต้องการให้มีคำสั่งประกาศปิด จึงให้ความร่วมมือในการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ถือว่าประสบความสำเร็จในการประชาสัมพันธ์ของจังหวัด นอกจากนี้จะมีการออกตรวจในทุกอำเภอ ทั้งสถานบริการประเภทที่ให้ปิดชั่วคราว และสถานประกอบการที่จะต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด รวมทั้งเรื่องการป้องกันแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาในพื้นที่ ได้เพิ่มความเข้มข้นจัดตั้งจุดสกัดตามแนวชายแดนตลอดแนว โดยปฏิบัติตามมาตรการและเพิ่มความเข้มข้นตามสถานการณ์ โดยขณะนี้จังหวัดกาญจนบุรียังไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงมีการป้องกันอย่างเข้มงวด
สำหรับมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของจังหวัดกาญจนบุรี ให้เจ้าของสถานประกอบการ ดำเนินการดังนี้
1.บริการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย หรือการคัดกรองอาการป่วยในระบบทางเดินหายใจ
2. ให้สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า
3. อำนวยความสะดวกในการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร และจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมมิให้แออัด
3. จัดให้มีที่ล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
4. จัดให้มีการเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสของสถานที่ที่เกี่ยวข้องก่อนการทำกิจกรรม รวมทั้งระหว่างและภายหลังการทำกิจกรรมด้วย
5. ให้มีการลงทะเบียนก่อนเข้าและออกจากสถานที่และเพิ่มมาตรการใช้แอปพลิเคชันไทยชนะที่ทางราชการกำหนด
ทั้งนี้ ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้ อาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะถูกสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว
เกษร เสมจันทร์