สมุทรปราการ สธ.-ทอท. ผนึกกำลังเข้มมาตรการป้องกันโควิด 19 ขนาดยักษ์ยังสวมเลย
*****กรมอนามัยกระทรวงสารารณสุข ร่วมกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวรณรงค์
สวมหน้ากากและยกระดับมาตรการการป้องกันโควิด 19 “ขนาดยักษ์..ยังสวมเลย” กระตุ้นคนไทยสวมหน้ากาก
ทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน พร้อมเน้นย้ำสนามบินคุมเข้มตามมาตรการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสร้าง
ความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่เดินทางโดยเครื่องบิน
*****เมื่อเวลา 14.00น.วันที่ 14 ธ.ค.2563 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ พล.อ.ไตรเทพ ศรีพันธุ์วงศ์ ประธานศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมแถลงข่าว รณรงค์สวมหน้ากากและยกระดับมาตรการการป้องกันโควิด 19 “ขนาดยักษ์ ยังสวมเลย” ณ ห้องแถลงข่าว EOC ผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ
*****นายแพทย์ สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ผู้โดยสารที่ใช้บริการสนามบินทั้งที่สุวรรณภูมิและดอนเมืองในแต่ละวัน มีโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ง่ายโดยเฉพาะโรคโควิด 19 ที่ต้องเฝ้าระวังกันอย่างต่อเนื่อง ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการภายในสนามบินจึงต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง ตั้งแต่ อาคารสถานีผู้โดยสาร จัดให้มีการคัดกรองผู้โดยสารโดยควบคุมบริเวณทางเข้าออก พร้อมลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” จัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ให้เพียงพอมีการทำความสะอาดบริเวณสถานี และจุดสัมผัสร่มบ่อย ๆ เช่น เคาท์เตอร์จำหน่ายตั๋ว ราวบันได เบาะนั่ง พนักพิง จัดระยะห่างระหว่างรอคิวมากกว่า 1 เมตร ทั้งบริเวณผู้โดยสารขาเข้าและผู้โดยสารขาออก
รวมทั้งห้องส้วมภายในอาคารผู้โดยสารที่ต้องทำความสะอาดทุก ๆ 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะ 7 จุดเสี่ยงในส้วม ได้แก่ สายฉีดชำระ ที่กดโถส้วม โถปัสสาวะ ลูกบิดหรือกลอนประตู ที่รองนั่งโถส้วม พื้นห้องส้วม และที่เปิดก๊อก และ สำหรับผู้ให้บริการภายในสนามบินต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน ล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ ระหว่างที่ให้บริการและหมั่นสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการไข้ ไอ จาม ให้งดปฏิบัติงาน ส่วนผู้โดยสารต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ในสนามบิน และขณะโดยสารภายในเครื่องบินเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการกินอหารบนเครื่อง โดยอาจจะนำกลับไปกินที่บ้านแทน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากการไม่สวมหน้ากากขณะกินอหารได้
ทั้งนี้ ผลการสำรวจพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนในการป้องกันโรคโควิด19 ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 7-11 ธันวาคม 2563 จำนวน 23,511 คน พบว่า ประชาชนมีความกังวลต่อสถานการณ์โควิด 19 เพิ่มมากขึ้นจกการสำรวจครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 23-27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จากร้อยละ 23.30เป็นร้อยละ 33.60 และมีความกังวลระดับปานกลาง ร้อยละ 37 ในส่วนของการสวมหน้ากากนั้นพบว่า ประชาชนมีพฤติกรรมสวมหน้ากากเป็นประจำเพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งที่ 2 จากร้อยละ 81.21 เป็นร้อยละ 86 09 มีการล้างมือด้วยสบู่และน้ำเพิ่มขึ้น จกร้อยละ 77.77 เป็นร้อยละ 8093 และมีการรักษาระยะห่าง จากร้อยละ 62.76เป็นร้อยละ 67.65 จึงขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตมมาตรการการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง เพราะหากไม่สวมหน้ากากป้องกัน จะมีความเสี่ยงในการรับเชื้อสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ แต่หากทุกคนสวมหน้ากากป้องกันจะมีความเสี่ยงเพียงแค่ 15 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ร่วมกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จัดรณรงค์สวมหน้ากากและยกระดับมาตรการการป้องกันโควิด 19″ขนาดยักษ์..ยังสวมเลย” ครั้งนี้ขึ้น เพื่อกระตุ้นคนไทยสวมหน้ากากทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน ลดการแพร่เชื้อโควิด 19 ให้กับสังคมไทยร่วมกัน” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
*****ทางด้าน น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า สำหรับการเดินทาง
ภายในประเทศนั้น ได้มีมาตรการคัดกรองตั้งแต่ก่อนเข้าสนามบินด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน ซึ่งบางสนามบินเครื่องจะมีโปรแกรมตรวจจับใบหน้า หากมีไข้หรือไม่สวมหน้ากากจะส่งสัญญาณเตือน มีจุดบริการล้างมือ หรือเจลแอลกอฮอล์ ผู้ที่อยู่ภายในสนามบิทกคนต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา นั่งเว้นระยะห่างตามจุดที่กำหนดมีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนข้า Gate ขณะอยู่บนเครื่อง ทุกคนต้องสวมหน้ากาก หากมีอาการป่วยจะแยกไปนั่งแถวหลังท้ายเครื่องที่จัดเตรีมไว้ และเมื่อถึงสนามบินปลายทางจะได้รับการตรวจคัดกรองก่อนออกจากสนามบินและติดตามตัวด้วยแอปพลิเคชัน AOT Airport
***** ทางด้าน พล.อ.ไตรเทพ ศรีพันธุ์วงศ์ ประธานศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงประจำท่อากาศยาน (ศปม.ทย.) ได้ดำเนินงานตามนโยบายของศูนย์บริหารสถานการณ์แพระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่ได้ปฏิบัติภารกิจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยการประสานความร่วมมือจกส่วนที่เกี่ยวข้องในการอำนวยการ ประสานงานกำกับดูแล และให้การสนับสนุนช่วยเหลือ การปฏิบัติของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าปะเทศที่ผ่านเข้ามาคัดกรอตามระบบตรวจคนข้าเมืองและกระทรวงสาธารณสุข การวางแผนระบบความคุมติดตาม การเคลื่อนย้าย การระวังป้องกัน การรวบรวม และคัดแยกผู้เดินทางทางขึ้นยานพาหนะไปส่งยังสถานที่ควบคุมเพื่อสังเกตอาการแห่งรัฐ รวมถึงการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับผู้เดินทางและประชาชน ซึ่งสถานภาพในปัจจุบันเป็นที่พึงพอใจ สมารถคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงและผู้ติดเชื้อและกำกับดูแลได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามในการยกระดับมาตรการการสวมหน้ากากในการป้องกันเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะป้องกันและควบคุมการระบาดได้อย่างดีร่วมกับมาตรการอื่น ๆ เช่น การล้างมือบ่อย ๆ และการเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อความมั่นใจสูงสุดในการควบคุมการระบาดของโรค
**********************************************
วิวรรธน์ ยั่งยืนเตชานนท์ สมุทรปราการ 0916986925