กาญจนบุรี สลด!!พระสงฆ์สำนักสงฆ์ห้วยช้างจก อ.ทองผาภูมิ วัย 64 ปี ถูกช้างป่าสีดอทำร้ายเสียชีวิต ขณะกำลังจะออกบิณฑบาต
นายเจริญ ใจชน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ที่ ทภ.6 (โป่งช้าง) ว่า ได้รับแจ้งจาก นายบรรพต บ่อเกิด ผู้ดูแลสำนักสงฆ์ห้วยช้างจก ว่า เกิดเหตุช้างป่าทำร้ายพระภิกษุสงฆ์มรณภาพ ที่บริเวณป่าบ้านเนินสวรรค์ หมู่ 4 ตำบลปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปิล๊อก แพทย์เวรโรงพยาบาลทองผาภูมิ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เข้าร่วมสนับสนุน
ที่เกิดเหตุอยู่ภายในเขตสำนักสงฆ์ห้วยช้างจก ตั้งอยู่ที่ป่าบ้านเนินสวรรค์ ค่าพิกัด 47P 0441054E 1631194N เป็นพื้นที่นอกเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ (ห่างจากแนวเขตอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 60 เมตร) ตรวจพบ พระภิกษุสงฆ์มรณภาพสภาพนอนคว่ำตะแคงขวา บริเวณกองหญ้าเสือหมอบ (สาบเสือ) ข้างเส้นทางห่างจากศาลาปฏิบัติธรรมของสำนักสงฆ์ ระยะทางประมาณ 300 เมตร สภาพศพหน้ายุบ กะโหลกศีรษะด้านขวาแตกอ้า มันสมองไหลกองกับพื้นหญ้า ช่วงขาผิดรูป และพื้นหญ้าราบเรียบเป็นบริเวณกว้าง
จากการตรวจสอบเอกสาร เป็นบัตรประจำตัวประชาชน ทราบชื่อคือ พระสมบูรณ์ บุญวาส อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 152 หมู่ที่ 11 ต.ขามเฒ่า อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม และหนังสือสุทธิสำหรับพระภิกษุและสามเณร สังกัดวัดสุมังคลาราม อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร บรรพชา/อุปสมบท เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2554 (9 พรรษา)
จากการสอบถามพระสงฆ์และผู้ดูแลสำนักสงฆ์ทราบว่า พระสมบูรณ์ มาจำวัดเพื่อปฏิบัติธรรม ณ สำนักสงฆ์แห่งนี้ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2563 และทุกวันจะออกจากกุฏิสงฆ์ เพื่อมารับบาตรที่ศาลาปฏิบัติธรรม ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 800 เมตร เพื่อไปทำกิจของสงฆ์ (บิณฑบาต) ซึ่งในวันเกิดเหตุของวันนี้คาดว่า เป็นเวลาประมาณ 06.00 น. เศษ พระสมบูรณ์ เดินทางออกจากกฏิได้ประมาณ 500 เมตร ได้พบเจอกับช้างป่าโดยบังเอิญ และถูกทำร้ายจนถึงแก่มรณภาพ ซึ่งคาดว่าช้างป่าตัวดังกล่าวเป็นช้างป่าสีดอเพศผู้
ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปิล๊อก และแพทย์ ร.พ.ทองผาภูมิ ร่วมกันชันสูตรศพพระสมบูรณ์เบื้องต้นแล้ว ได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ นำศพไปที่โรงพยาบาลทองผาภูมิ เพื่อตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการมรณภาพอย่างละเอียดอีกครั้ง ขณะที่ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ราษฎรในพื้นที่และผู้นำชุม ให้ระวังอันตรายจากช้างป่ากลุ่มนี้ต่อไป
เกษร เสมจันทร์