อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นำพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า น้อมรำลึกและสืบสานพระราชปณิธาน ในหลวง รัชกาลที่ 9 ด้วยการ “ปฏิบัติบูชา” ตามคำพ่อสอนด้วยความจงรักภักดี เทิดพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสดุจแสงสว่างชี้นำปวงชนชาวไทยรอดพ้นในทุกวิกฤตปัญหา
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2563 เวลา 14.00 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีน้อมรำลึกและสืบสานพระราชปณิธาน เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันที่ 13 ตุลาคม 2563 โดยอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนเดินทางถึงพิธีได้ถวายความเคารพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมนำผู้เข้าร่วมพิธีฯยืนสงบนิ่ง เพื่อร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยตราบกาลนิรันดร์ โดยมีนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พร้อมด้วยนางวรสุดา รัตนสุคนธ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรี นายนิวัติ น้อยผาง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และข้าราชการ ภาคีเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดสระบุรีและจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วมพิธีจำนวนมากอย่างพร้อมเพียง ณ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนสระบุรี จังหวัดสระบุรี
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณว่า “ตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองราชย์ ตั้งแต่พุทธศักราช 2489 ตราบจนกระทั่งเสด็จสวรรคตเมื่อพุทธศักราช 2559 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงดำรงมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรม และทรงยึดมั่นในพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” อีกทั้งทรงพระวิริยอุตสาหะปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ หยาดพระเสโทอันเกิดจากการที่พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกายเพื่อประชาชน เปรียบเสมือนหยาดน้ำทิพย์ที่ชโลมผืนแผ่นดินและจิตใจของพสกนิกรให้ได้รับความร่มเย็น ตลอดจนทุกคราที่ชาติบ้านเมืองประสบความทุกข์ยากจากวิกฤตภัยต่างๆ พระองค์ได้ทรงพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ และพระราชทานแนวทางเพื่อคลี่คลายขจัดปัญหาให้ผ่านพ้นไปด้วยดี นำความผาสุกมาสู่ประเทศและอาณาประชาราษฎร์โดยถ้วนหน้า
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ ล้วนเป็นการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้พสกนิกรชาวไทยสามารถดำเนินชีวิตด้วยความผาสุกมั่นคงในทุกสถานการณ์ของบ้านเมือง กรมการพัฒนาชุมชนจึงได้น้อมนำหลักทฤษฎีใหม่กว่า 40 ทฤษฎี ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 มาประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” เพื่อยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ด้วยความเชื่อมั่นว่า หลักทฤษฎีใหม่และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นหนทางที่จะทำให้ประเทศชาติรอดพ้นวิกฤตและเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะเห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า ในภาวะที่ประเทศประสบปัญหาด้วยผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเกิดผลกระทบในวงกว้างทั่วโลก ประเทศไทยได้รับผลกระทบโดยตรงเช่นกัน ทำให้เกิดภาวะการขาดสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน ทำให้ผู้ประสบภัยที่ถูกเลิกจ้าง ต้องกลับคืนสู่ท้องถิ่นภูมิลำเนา แต่ด้วยการสืบสานพระปณิธานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและหลักทฤษฎีใหม่ ทำให้ผู้ประสบภัยโควิด-19 เหล่านี้ สามารถดำรงชีวิตได้อย่างไม่ขัดสน ด้วยปัจจัยสนับสนุนการดำเนินชีวิตตามวิถีชีวิตพอเพียงของล้นเกล้าฯ ดังกล่าว
แม้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรจะเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่โครงการตามแนวพระราดำริน้อยใหญ่ยังคงผลิดอกออกผลและให้ความร่มเย็น พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสในโอกาสต่างๆ ยังคงเปรียบดุจดังแสงสว่างที่คอยชี้นำแนวทางในการดำรงชีวิตแก่ปวงพสกนิกรและยังคงสถิตในดวงใจของเหล่าปวงชนชาวไทยสืบไป ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ทรงมีต่อเหล่าปวงชนชาวไทย ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหมดจะขอสืบสานพระราชปณิธานด้วยการ “ปฏิบัติบูชา” ตามคำพ่อสอน ด้วยความจงรักภักดี จะยึดมั่นในการปฏิบัติดี รักษาชาติบ้านเมือง และสร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาขน สนองพระมหากรุณาธิคุณตลอดไป”
ทั้งนี้หลังจากเสร็จพิธีน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแล้ว นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมคณะผู้เข้าร่วมพิธีได้ช่วยกันทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เก็บเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวเพื่อแจกจ่ายแก่ผู้มาร่วมงานนำไปเพาะปลูกเพื่อปรับปรุงดิน หรือใช้เป็นเป็นอาหาร อันเป็นการสร้างสังคมแห่งการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ,การทำแหล่งอาหารให้ปลาแบบประหยัดด้วยวิธีจัดทำแซนด์วิชปลา ,การตอกไม้ไผ่จัดทำฝายชลอน้ำเพื่อป้องกันการกัดเซาะดิน และการปลูกต้นไม้ 5 ระดับ เพื่อให้พอกิน พออยู่ พอใช้ พอร่มเย็น รวมทั้งช่วยลดมลภาวะทางเสียงและฝุ่นละออง เนื่องจากศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนสระบุรีอยู่ริมถนนมีรถวิ่งผ่านไปมามากซึ่งตลอดการทำกิจกรรมมีบรรยายให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมงานตลอดเวลา
“ตลอดทั้งเดือนตุลาคมนี้ กรมการพัฒนาชุมชนขอเชิญชวนให้ข้าราชการกรมการพัฒนาชุมชนร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนและพี่น้องประชาชนร่วมกันจัดกิจกรรมจิตอาสาต่างๆตามความเหมาะสม เพื่อเป็นปฏิบัติบูชาถวายแด่พ่อของแผ่นดินที่สถิตอยู่บนสวรรคาลัย” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนกล่าวเชิญชวนคนไทย