สิงห์บุรี มอบใบประกาศเกียรติบัตรโครงการพระราชทาน โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง รุ่นที่ 2

สิงห์บุรี จัดพิธีมอบใบประกาศเกียรติบัตรโครงการพระราชทานโคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวังเรือนจำ เรือนจำจังหวัดสิงห์บุรี กรมราชทัณฑ์ รุ่นที่ 2
วันที่ 2 ตุลาคม 2563 เวลา 9.00 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรีเป็นผู้แทนพระองค์ เป็นประธานในพิธีมอบใบประกาศเกียรติบัตร แกผู้ผ่านการฝึกโครงการพระราชทานโคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง เรือนจำจังหวัดสิงห์บุรี กรมราชทัณฑ์ รุ่นที่ 2 ซึ่งเป็นการประยุกต์ทฤษฏีใหม่แบบชาวบ้านปั้นโคก ขุดหนอง ทำนา เพื่อสร้างต้นแบบทฤษฏีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็ก โดยสามารถดำเนินการได้ในทุกเรื่องและมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพื้นฐานความคิดการฝึกวินัย การลงมือปฏิบัติตลอดจนการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์จริงเพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถพึ่งพาตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นที่ได้รับความเดือดร้อนได้เมื่อพ้นโทษออกไป

 


สำหรับการฝึกโครงการพระราชทาน โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง เรือนจำจังหวัดสิงห์บุรี กรมราชทัณฑ์ รุ่นที่ 2 มีผู้เข้ารับการฝึก เป็นผู้ต้องขังที่เป็นไทย 89 คนโดยปฏิบัติการฝึกอบรมเป็นเวลา 14 วัน ระหว่างวันที่ 18 กันยายน 2563 ถึง วันที่ 1 ตุลาคม 2563 แบ่งการฝึกเป็น 3 ขั้นตอน ขั้นที่ 1 การอบรมพึ่งตนเองด้วยทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียง ขั้นที่ 2 การแปลงทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ ประกอบด้วย การออกแบบแนวคิดการบริหารจัดการพื้นที่ขนาดเล็ก การประยุกต์ทฤษฏีใหม่แบบชาวบ้าน ปั้นโคก ขุดหนอง ทำนา ตามภูมิสังคม ลงบนกระดาษ การสร้างพื้นที่จำลอง และวางแผนการปลูกป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่างเพื่อพออยู่ พอกิน พอใช้ พอร่มเย็น การปฏิบัติในพื้นที่จริงมีขนาด 360 ตารางเมตรตามทฤษฏีใหม่แบบชาวบ้านปั้นโคกขุดหนองทำนาตามภูมิสังคม และขั้นที่ 3 การสรุปและประเมินผล จากการดำเนินงานที่ผ่านมา

ผู้ต้องขังสามารถพึ่งพาตนเองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฏีใหม่ ทั้งสามารถช่วยเหลือประชาชน ทำประโยชน์เพื่อส่วนร่วมได้หลังจากนี้แล้ว ผู้ต้องขังที่จะรับการพ้นโทษในโอกาสต่อไป จะต้องไปดำเนินการในพื้นที่ตามภูมิลำเนาของตนเอง อันเป็นการสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษาต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตรโดยการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนเพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและช่วยกันพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป