กาญจนบุรี ผบ.ฉก.ลาดหญ้า ลงเรือตรวจสอบเส้นทางการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเชื่อนวชิราถงกรณ พร้อมทั้งเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารคุมช่องทางตามเส้นทางธรรมชาติ และลาดตระเวนป้องกันการหลบหนีข้ามแดนของชาวเมียนมาจากเหตุการณ์ที่ประเทศเมียนมาประสบปัญหาการระบาดของโรคโควิต-19 ระลอกที่ 2 จนมียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,500 คน
ในวันนี้ ทำให้นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้หน่วยงานความมั่นคง เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังการลักลอบข้ามแดนของชาวเมียนมา โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับแนวชายแดนเมียนมา ตั้งแต่จ.เขียงราย-จ.ระนอง กองทัพบก โดย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. พล.ท.ธรรมนูญ วิถีแม่ทัพภาคที่ 1 จึงได้มอบนโยบายให้ พล.ต.ฐกัด หลอดศิรี ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี เพิ่มกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ในการป้องกัน ตรวจเข้มตลอดแนวชายแดนที่รับผิดชอบล่าสุด
วันนี้ พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้าพร้อมด้วย พ.อ.อนิรุจน์ ดิษฐประชา รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ได้เดินทางด้วยเรือยนต์ ตรวจการณ์ จำนวน 2 ลำเพื่อตรวจสอบเส้นทางการขนแรงงานต่างด้าวเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน ภายในพื้นที่อ่างเก็บน้ำ เขื่อนวชิราลงกรณ บริเวณจุดสามสบ และพื้นที่โดยรอบ ภายหลังจากมีข้อมูลว่าพื้นที่บริเวณนี้ ได้ถูกใช้เป็นพื้นที่นำแรงงานต่างด้าวมาลงเรือหางยาว ก่อนจะเดิบทางต่อไปยังบริเวณ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจความมั่นคงที่ทำการตรวจเข้มในช่วงนี้ ก่อนจะนำรถมารับเพื่อเดินทางเข้าไปยัง จ กาญจนบุรีและจังหวัดใกล้เคียง บางครั้งหากมีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่มากขึ้นก็จะใช้วิธีเดินเท้าหลบเลี่ยงด่านตรวจของทหาร ตำรวจ นอกจากนั้น ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้ายังได้ลงเรือพบปะชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามเรือนแพริมอ่างเก็บน้ำ
เพื่อขอความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ ก่อนจะเดินทางไปยังกลุ่มเรือนแพที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซองกาเลีย เพื่อทำการขอความร่วมมือผู้ที่มีข้อมูลทางลับว่า เป็น”กลุ่มคนที่ขับเรือรับจ้างขนแรงงานต่างด้าวพร้อมตักเตือนหากพบการกระทำดังกล่าวจะใช้มาตรการทางกฎหมายเข้ามาจับกุมและดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและหากพบว่าเป็นบุคคลที่กำลังดำเนินเรื่องขอสัญชาติ หรือใด้สัญชาติไทยมาจากการขอมีสัญชาติไทยตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยก็จะดำเนินการระงับการให้สัญชาติและถอนการมีสัญชาติไทยทันที ต่อจากนั้นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้าได้เดินทางต่อไปยังพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ ตรวจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ทหาร ตชด. ตำรวจ อส ที่บูรณาการทำงานร่วมกันในการป้องกันการสักลอบเข้ามาของชาวเมียนมา ซึ่งจะก่อให้เกิดการระบาดของโควิต-19ในประเทศไทย โดยได้มีการเพิ่มการป้องกันด้วยการวางรั่วลวดหนามและสิ่งกีดขวาง ในบริเวณพื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการลักลอบเข้ามาของชาวเมียนมา จำนวนกว่า 30 จุด
พร้อมทั้งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ลงไปปฏิบัติงานป้องกันตามช่องทางพื้นที่เสี่ยง และเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจยานพาหนะ ทั้งนี้จากสถานการณ์ในประเทศเมียนมาที่พบจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควีต 19 เพิ่มมากขึ้นทุกวันทำให้มีแนวโน้มจะมีชาวเมียนมาหนีตายจากโรคโตวิต-19 มาทางด้านแนวชายแดนประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน หากสถานการณ์การระบาดในประเทศเมียนมาไม่สามารถควบคุมได้ โดยก่อนเดินทางกลับ ผบ.หน่วย.ฉพาะกิจลาดหญ้า ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน พร้อมกำชับให้ทุกคน ร่วมมือร่วมใจในการทำหน้าที่ หากต้องการความช่วยเหลือ พร้อมให้การสนันสนุนอย่างเต็มที่
เกษร เสมจันทร์