วัชระร้องนายกฯคืนความเป็นธรรมให้วิระชัยหลังถูกบิ๊กแป๊ะสั่งสอบเรื่องดักฟังโทรศัพท์
(3ส.ค.63)เมื่อเวลา 10.40 น.นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านนายพันศักดิ์ เจริญ ผอ.รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาลกรณี พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและให้สำรองราชการ พลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคมปีนี้ จนเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 22/2563 ลงวันที่ 23 มกราคม 2563 ให้พลตำรวจเอก วิระชัย กลับไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตามเดิม จึงต้องพิจารณาว่าคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
นายวัชระ กล่าวว่า ตนเองเชื่อว่าเหตุที่นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้พลตำรวจเอก วิระชัย ย้ายกลับไปที่เดิม เนื่องจากได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วไม่พบความผิด แต่เหตุใดเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมาพลตำรวจเอก จักรทิพย์ กลับยังมอบหมายให้กองคดีอาญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งความดำเนินคดีกับ พลตำรวจเอกวิระชัย ในความผิดตามพ.ร.บ.โทรคมนาคม มาตรา 74 และความผิดตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 21 ฐานดักฟังโทรศัพท์ ในช่วงที่จะมีการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จากนั้นก็ได้มีการออกคำสั่งให้สำรองราชการ พลตำรวจเอก วิระชัย ซึ่งมีอาวุโสอันดับ 1 ในการที่จะได้รับการพิจารณาขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในวาระวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ซึ่งจะมีการพิจารณาในเร็วๆ นี้ และเหตุใดพลตำรวจเอก จักรทิพย์ จึงสามารถออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับพลตำรวจเอก วิระชัย ได้ ทั้งที่เป็นคู่พิพาทกัน ซึ่งขัดกับกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนและพิจารณา หมวด 1 ว่าด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ข้อที่ 3 ที่ระบุว่า ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนและคณะกรรมการสอบสวน จะต้องไม่เป็นบุคคลที่รู้เห็นเหตุการณ์ในเรื่องที่สอบสวนหรือมีส่วนได้เสียในเรื่องที่สอบสวน เพราะผู้ออกคำสั่งเป็นคู่กรณีกับผู้ออกคำสั่งให้ถูกสอบสวน อีกทั้งเป็นผู้ปรปักษ์แห่งกันและกัน ถือว่ามีส่วนได้เสียอย่างยิ่ง หรือมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ถูกกล่าวหา
รวมทั้ง การมีเหตุอื่นน่าเชื่ออย่างยิ่งว่าจะทำให้การสอบสวนเสียความเป็นธรรม เพราะผู้ที่เป็นคณะกรรมการสอบสวนล้วนแต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ที่มีความใกล้ชิดกับ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ผู้ออกคำสั่ง โดยปราศจากผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกที่มีความเป็นกลาง ควรที่จะมาทำหน้าที่สอบสวนในเรื่องนี้ นอกจากนี้ การที่พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ออกคำสั่งให้พลตำรวจเอก วิระชัย ซึ่งมีอาวุโสอันดับ 1 ไปสำรองราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น อาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ นายวัชระ ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีส่วนได้เสียในการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแต่อย่างใด จึงขอให้นายกรัฐมนตรีให้ความเป็นธรรมในกรณีนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่กำลังเสื่อมศรัทธาต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเกิดความสั่นคลอนกระบวนการยุติธรรมไทยเป็นอย่างยิ่งอยู่ในขณะนี้