พช. เดินหน้าจัดงาน OTOP To The Town ขนผลิตภัณฑ์ชุมชนโชว์ในห้างใหญ่ทั่วกรุง 11 จุด

พช. เดินหน้าจัดงาน OTOP To The Town ขนผลิตภัณฑ์ชุมชนโชว์ในห้างใหญ่ทั่วกรุง 11 จุดทำเลทองให้แฟนพันธุ์แท้โอทอปช้อปอย่างจุใจ คาดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน OTOP To The Town “โอทอป ภูมิปัญญาไทย ใจกลางเมือง ช่วยคนไทย หลังฝ่าภัยโควิด” โดยมี นายโชคชัย แก้วป่อง นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางรชตภร โตดิลกเวชช์ ที่ปรึกษาอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางบุษบา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด นายสุทธิภัค จิราธิวัฒน์ กรรมการที่ปรึกษา บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด พร้อมสื่อมวลชน และประชาชนร่วมงานคับคั่ง ณ ลานอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

นายสุทธิพงษ์ เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP กรมการพัฒนาชุมชน เป็นหนึ่งในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคงและยั่งยืนซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักที่กระทรวงมหาดไทยยึดมั่นในการดำเนินงานมาโดยตลอด มีการวางแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อยกระดับสินค้าภูมิปัญญาไทยให้ก้าวไกลสู่สากลมากขึ้น โดยดำเนินการขับเคลื่อน 3 แนวทาง คือ การเพิ่มศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรม และการส่งเสริมช่องทางการตลาด เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและยกระดับสินค้าโอทอปของไทยให้มาตรฐานและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยหลายปีที่ผ่านมามีการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP ในตลาดเดิมที่เคยจัดเป็นประจำและประสบผลสำเร็จในทุกระดับ

 

สำหรับ ในปีนี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในทุกระดับ ดังนั้นหลังจากรัฐบาลได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายโควิด-19 ระยะที่ 4 ในกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายในประเทศนั้น กระทรวงมหาดไทยจึงได้ให้เดินหน้าจัดกิจกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้ขยายตัวและมีความเข้มแข็ง โดยจัดงาน “OTOP To The Town : โอทอป ภูมิปัญญาไทย ใจกลางเมือง ช่วยคนไทย หลังฝ่าภัยโควิด” งานแสดงสินค้าและจำหน่ายสินค้า OTOP จากทั่วประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มช่องทางตลาดให้ผู้ประกอบการ OTOP พร้อมกับสร้างอาชีพเชื่อมโยงเครือข่ายและต่อยอดการค้า สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชน รวมทั้งเป็นอีกช่องทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียนการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ ตั้งเป้าการจัดงานครั้งนี้จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท

ทั้งนี้ ภายในงานแสดงสินค้าและจำหน่ายสินค้า OTOP จากทั่วประเทศที่มีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานกว่า 1,000 ราย ที่กรมการพัฒนาชุมชนได้คัดสรรสินค้า OTOP คุณภาพมาจัดแสดงและจำหน่ายให้กับผู้บริโภค การแสดงทางศิลปและวัฒนธรรม การแจกของที่ระลึกจากสินค้า OTOP และเนื่องจากการจัดงานเป็นการจัดในพื้นที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีรสนิยมและความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง จึงได้จัดให้มีการนำสินค้า OTOP ที่มีการพัฒนาและยกระดับให้มีคุณภาพสูงมาร่วมจำหน่ายด้วย เช่น บ้านทองสมสมัย จังหวัดสุโขทัย ผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ แบรนด์ขวัญตา จังหวัดหนองบัวลำภู ผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติ คุ้มสุโข จังหวัดขอนแก่น น้ำมันเหลืองโกลครอส จังหวัดตราด

“สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทั่วโลกได้ประสบ ทำให้ภาวะเศรษฐกิจการลงทุน การค้าขาย ย่ำแย่กันโดยทั่วหน้า แต่ประเทศไทยของเราโชคดีมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง และคนไทยมีวินัยช่วยกันปฏิบัติตามแนวทางของรัฐบาลที่ได้กำหนดออกมา ทำให้เรารู้ว่าควรจะใช้ชีวิตกันอย่างไม่ประมาท สำหรับงาน OTOP To The Town ในครั้งนี้ ต้องขอบคุณภาคีเครือข่ายห้างสรรพสินค้าสถานที่สำคัญต่างๆ ทั้ง 11 แห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเซ็นทรัล ที่ได้ร่วมกับ กรมการพัฒนาชุมชน สนองต่อนโยบายของรัฐบาล ในการที่จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ให้ประชาชนมีโอกาสมีชีวิตที่ดี ให้ผู้ประกอบการ OTOP ที่รวมกลุ่มกันในจังหวัดต่างๆ ได้ร่วมกันภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ งานในครั้งนี้ จึงเป็นการนำภูมิปัญญาไทยจากทั่วประเทศไทยเข้ามาสู่ใจกลางเมือง ด้วยช่องทางทางการตลาด เพื่อช่วยเหลือคนไทยให้ฝ่าภัยโควิด-19 ไปด้วยกัน เงินที่ท่านจ่ายไปนั้นไม่ใช่แค่เป็นการซื้อของ แต่มีความสำคัญ มีผลยิ่งใหญ่เพราะว่าเงินจะหมุนกลับไปสู่ชุมชนหลายครอบครัว ซึ่งเป็นการแสดงน้ำใจและการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน “อธิบดีพช.กล่าว

อย่างไรก็ตาม กรมการพัฒนาชุมชนได้รับมอบหมายจากทางรัฐบาลในหลายโครงการ เรื่องหนึ่งคือ การทำให้พี่น้องประชาชนมารวมกลุ่มช่วยกันผลิตสินค้า และสนับสนุนพัฒนาให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเราทำงานในลักษณะประชารัฐ แต่ส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องในความสำเร็จในคือเรื่องการตลาด โดยก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 เราประสบความสำเร็จอย่างมากในการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค่า OTOP ที่เมืองทองธานี แต่เมื่อเจอสถานการณ์โควิด-19 เราก็ได้โอกาสปรับตัวคือ ช่วยทำให้สินค้าเข้ามาอยู่ในโลกดิจิทัล เปลี่ยนมาขายออนไลน์ในทุกจังหวัด และอีกส่วนหนึ่งก็ได้จับมือกับแพลตฟอร์มเดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น OTOP TODAY รวมถึงร่วมมือกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และได้รับการตอบรับที่ดี

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า อีกเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง คือมติคณะรัฐมนตรี ได้มีมติส่งเสริมให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนชาวไทยสวมใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งประมาณ 20% จากผู้ประกอบการร้านค้า OTOP กว่า 8 หมื่นราย เป็นผู้ประกอบการเกี่ยวกับผ้า ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน และเป็นสินค้าที่ยอดขายดีมาก ถือเป็นความภาคภูมิใจของกรมการพัฒนาชุมชน สินค้าในงาน OTOP To The Town ล้วนแต่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม และคุ้มค่า คุ้มราคา จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนแวะมาเยี่ยมชมและให้กำลังใจพี่น้อง OTOP ที่กระจายการขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ด้วยครับ” นายสุทธิพงษ์กล่าวเชิญชวน

สำหรับ งาน “OTOP To The Town : โอทอป ภูมิปัญญาไทย ใจกลางเมือง ช่วยคนไทยหลังฝ่าภัยโควิด” กำหนดจัดขึ้นภายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ ทั้งสิ้น 11 ครั้ง ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2563 ได้แก่ (1) เซ็นทรัลเวิลด์ 10-15 ก.ค. 2563 (2) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ 13-17 ก.ค 2563 (3) ไอคอนสยาม 17-22 ก.ค. 2563 (4) เซ็นทรัล บางนา 23-29 ก.ค. 2563 (5) เซ็นทรัลพระราม9 17-23 ส.ค. 2563 (6) สยามสแควร์ 20-23 ส.ค. 2563 (7) เดอะมาร์เก็ต 8-13 ก.ย. 2563 (8) เซ็นทรัลอีสต์วิลล์ 8-14 ก.ย. 2563 (9) เซ็นทรัลพระราม 3 10-16 ก.ย. 2563 (10) สยามพารากอน 10-16 ก.ย.2563 และ (11) เซ็นทรัลพระราม3 17-23 ก.ย.2563 จึงขอเชิญทุกท่านร่วมเลือกซื้อและอุดหนุนสินค้าโอทอปของไทย เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนสืบไป