ธ.ก.ส.ประจวบฯ เร่งจ่ายเงินแก้ปัญหาเกษตรกรกู้หนี้นอกระบบและคิดสั้นฆ่าตัวตาย-ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 0.1 รายละ 10,000 บาท
วันที่ 15 พ.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบ ได้มีชาวสวนเกษตรกรที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติมีสิทธิ์ให้กู้เงินจำนวน 10,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการด้านการเกษตร และสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงที่เกิดโรคโควิดระบาดและภัยแล้ง ทำให้ขาดรายได้ และราคาผลผลิตตกต่ำ ได้ทยอยเดินทางมาทำสัญญาเงินกู้ และรับเงินจำนวน 10000 บาท กลับบ้านไปเป็นค่าใช้จ่ายหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ของทางธนาคาร ได้มีการติดต่อประสานให้มาทำสัญญาเป็นรายบุคคล เพื่อลดความแออัด และลดอัตราเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ
นายโกมล ปานแจ่ม ผู้จัดการ
ธ.ก.ส.สาขาอ่าวน้อย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้พี่น้องเกษตรกรได้รับผลกระทบและความเดือดร้อน ผลผลิตมีราคา ตกต่ำทำให้ขาดรายได้ หรือมีรายได้ลดลง รัฐบาลจึงได้มีโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อเยียวยาเกษตรกร โดยปล่อยสินเชื่อในส่วนของ ธ.ก.ส.วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรที่เดือดร้อนได้กู้ไปใช้จ่ายในช่วงโควิดระบาด ในวงเงินรายละ 1 หมื่นบาท ในอัตราดอกเบี้ยงเพียง 0.1 ต่อเดือนเท่านั้น ผ่อนจ่าย 2 ปี 6 เดือน โดยช่วง 6 เดือนแรกยังไม่ต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ย เริ่มจ่ายเดือนที่ 7 เป็นต้นไป เพื่อแก้ปัญหาให้เกษตรกรจะได้ไม่ต้องไปกู้ยืมเงินหนี้นอกระบบมาใช้ เนื่องจากมีอัตราดอกเบี้ยที่สูง และไม่เป็นธรรม และลดอัตราเสี่ยงต่อการคิดสั้นฆ่าตัวตายหนีปัญหา สำหรับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีผู้ประสงค์มาขอกู้เงิน เบื้องต้น จำนวน 15,530 ราย และสาขาอ่าวน้อยมีผู้แสดงความประสงค์ ผ่านระบบไลน์ BAAC Family ของ ธ.ก.ส.จำนวน 751 ราย ซึ่งผู้ที่ผ่านการพิจารณานั้นจะถูกพิจารณากลั่นกรองโดย ธ.ก.ส.สำนักงานใหญ่ หลังจากนั้นจะส่งรายชื่อผู้ที่ผ่านการประเมิน มาที่ ธ.ก.ส.สาขาต่างๆ ได้นัดหมาย ลูกค้ามาทำสัญญาและรับเงินกู้ต่อไป ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้จะสามารถเร่งจ่ายเงินได้จนครบทุกราย
นายบุญส่ง เฟื่องฟู อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 643/4 หมู่ 7 ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดและขนุน และเป็นผู้ผ่านการพิจารณาอนุมัติให้สามารถกู้เงินจำนวน 10,000 บาทได้ เล่าความในใจให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเองเป็นเกษตรกรทำไร่สับปะรดและขนุน ปัจจุบันประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก ทำให้สับปะรดไม่มีผลผลิตออกมาให้ขาย ส่วนขนุนก็ลูกเล็กเหลือราคากิโลกรัมละ 5 บาท หักต้นทุนแทบไม่เหลืออะไรเลย ซึ่งตนเองดีใจมากที่ได้เงินกู้ 10,000 บาทนี้ ก็จะนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ซื้อข้าวปลาอาหารรับประทาน 3 คนในครอบครัว เพราะขาดรายได้ ทำไร่ก็ไม่ได้ เนื่องจากแล้งมากในปีนี้
ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงาน