สมุทรสาครเฮ ผู้ติดเชื้อโควิดกลายเป็นศูนย์ พ่อเมืองนำทีมร่วมส่งกำลังใจให้ผู้ป่วยรายสุดท้ายกลับบ้าน
เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 07 พฤษภาคม 2563 นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร,แพทย์หญิงอุไรวรรณ จำนรรค์สิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระทุ่มแบน,นายแพทย์สุรพล อริยปิติพันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร,นายบรรพต จันทรวงษ์ นายอำเภอกระทุ่มแบน,ร้อยตรีประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอบ้านแพ้ว ตลอดจนทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลกระทุ่มแบน ได้ร่วมกันให้กำลังใจและส่งตัวผู้ติดเชื้อโควิดรายสุดท้ายกลับบ้าน คือ นางบัว นามสมมติ อายุ 50 ปีเศษ ที่มีกำลังใจดีๆ จากน้องบาส ลูกชายวัย 10 ปี เดินจูงมือกลับบ้านพร้อมกันแม่ลูก สร้างความดีใจและซาบซึ้งใจแก่ทุกคน
โดยก่อนที่สองแม่ลูกจะจากทีมแพทย์ พยาบาลและบุคลากรที่ดูแลกันมาอย่างยาวนานเกือบ 1 เดือนนั้น นอกจากนางบัว ผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะกล่าวขอบคุณที่ทุกคนให้การดูแลรักษาอย่างดีจนหายเป็นปกติไม่มีเชื้อโควิดแล้ว ทางด้านของน้องบาสลูกชายวัย 10 ปี ก็ยังได้เดินกอดพี่หมอและพี่พยาบาลทุกคน ที่อยู่เป็นเพื่อนน้องบาส คอยดูแลน้องบาสแทนแม่ยามที่แม่ป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกระทุ่มแบน แม้น้องบาสจะโชคดีไม่ได้ติดเชื้อโควิดฯ จากแม่ แต่ก็ต้องมานอนแยกห้องที่โรงพยาบาลด้วยฯ เพราะประการแรกน้องบาสต้องถูกกักตัว 14 วัน เฝ้าสังเกตอาการเนื่องจากอยู่ใกล้ชิดและสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ และ ประการที่สองคือ น้องบาสมีเพียงแม่คนเดียวเท่านั้น จึงอยู่ด้วยกัน 2 คนมาตลอด ไม่มีเคยแยกจากกันและไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ดังนั้นเมื่อแม่เข้ารับการรักษาตัวตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน ทางโรงพยาบาลจึงต้องรับน้องบาสมาเฝ้าดูอาการด้วย และแม้น้องบาสจะผ่านพ้น 14 วันปลอดภัยดีแล้ว แต่น้องบาสก็ยังคงต้องอยู่ที่โรงพยาบาลต่อไปจนกว่าแม่จะหายดีไม่พบเชื้ออีก น้องบาสจึงกลายเป็นที่รักของพี่หมอและพี่พยาบาลทุกคน จนกระทั่งวันที่รอคอยก็มาถึงคือวันนี้ วันที่ผลตรวจของแม่บัวออกมากลายเป็นลบ
นางบัว นามสมมติ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เล่าว่า ตนเองเป็น 1 ใน 6 ราย ที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกระทุ่มแบน โดยเข้ารับการรักษาตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน นับรวมถึงวันที่ 7 พฤษภาคม ก็เป็นเวลา 27 วันพอดี ส่วนการติดเชื้อนั้น ตนก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นการติดจากนายจ้างภายในสถานประกอบการ หรือ จากการที่เดินทางไปทำธุระที่จังหวัดภูเก็ต เพราะเป็นห้วงเวลาเดียวกัน ซึ่งมีการตรวจพบว่านายจ้างติดเชื้อก่อน จึงได้มีการตรวจผู้ใกล้เคียงแล้วก็พบว่ามีผู้ติดเชื้อจากนายจ้างอีกรวม 4 คน โดยทุกคนได้รักษาจนหายเป็นปกติไม่พบเชื้อ กลับบ้านไปหมดแล้ว มีเพียงตนเองที่รักษานานที่สุดเกือบ 1 เดือน
นางบัว นามสมมติ บอกอีกว่า ตนเองรู้สึกดีใจมากที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีและเอาใจใส่จากแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลกระทุ่มแบน จนอาการหายเป็นปกติซึ่งแม้จะยาวนานเป็นเวลาเกือบ 1 เดือน แต่ทีมแพทย์พยาบาลก็ไม่เคยบ่น และไม่เคยท้อถอยเลย ทำให้ตนมีกำลังใจที่จะสู้เพื่อเอาชนะไวรัสร้ายตัวนี้ ประกอบกับลูกชายที่มาอยู่ใกล้ๆ แม้จะไม่ได้สัมผัสกัน แค่พูดคุยกันได้ผ่านทางโทรศัพท์ แต่ก็ทำให้ตนมีกำลังใจที่จะรักษาตัวเองให้หาย เพื่อกลับไปใช้ชีวิตกับลูกชายตามปกติ นอกจากนี้ยังต้องขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ เพื่อให้ตนเองหายไวๆ รวมถึงนายจ้างที่มาเยี่ยมเยียนในช่วงที่ตนเองรักษาตัว พร้อมกันนี้ยังรับกลับเข้าไปทำงานเหมือนเดิม อีกทั้ง เมื่อสุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว ถ้ามีโอกาสตนก็จะไปบริจาคพลาสม่าให้กับสภากาชาดไทยอีกด้วย
นางบัว นามสมมติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนขอให้กำลังใจกับผู้ป่วยที่ยังต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศไทย ขอให้มีกำลังใจสู้ ถ้าใจเราสู้ เราจะชนะ และโรคนี้ก็จะหายไปจากตัวเราเอง ส่วนผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อโควิด ก็ขอให้ดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้ดี รู้จักการป้องกันตัวด้วยการใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน และการปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น กินร้อน ช้อนตัวเอง และหมั่นล้างมือบ่อยๆ เป็นต้น
ด้านนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ตนเองรู้สึกดีใจไม่ต่างจากทีมแพทย์และพยาบาลที่คงทั้งดีใจและภูมิใจในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ให้หายหมดทุกคน และแม้วันนี้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของจังหวัดสมุทรสาครจะกลายเป็นศูนย์ ซึ่งจะดีใจท่วมท้นแค่ไหนแต่ก็ยังไว้วางใจไม่ได้ว่า สมุทรสาครจะไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิดขึ้นได้อีก เพราะสถานการณ์ทุกวันนี้เรียกได้ว่ายังคงเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 แต่เราจะผ่านพ้นไปได้ถ้าทุกคนร่วมมือกันทำอย่างที่ผู้ว่าฯ พูดไว้เสมอว่า “ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก สู้ไปด้วยกัน ไม่แพ้แน่นอน” แต่ถ้าวันนี้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างไม่ระมัดระวัง และไม่ปฏิบัติตามมาตรการของจังหวัดสมุทรสาคร ก็อาจจะเกิดผู้ป่วยรายใหม่ได้ รวมถึงยังมีคนจังหวัดสมุทรสาครที่กำลังจะเดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงหรือต่างประเทศเพื่อเข้ามาอยู่ในพื้นที่ทั้ง 3 อำเภอ ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้การรักษาผู้ป่วยให้หายจนหมดทั้ง 18 คนนั้น ก็ถือเป็นกำลังใจอย่างหนึ่งว่า ทีมแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดสมุทรสาครมีความสามารถ กับมีความพร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจที่เข้มแข็งในการที่จะรับมือกับผู้ติดเชื้อโควิดได้อย่างแน่นอน
ส่วนแพทย์หญิงอุไรวรรณ จำนรรค์สิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระทุ่มแบน กล่าวว่า วันนี้นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ผู้ป่วยรายสุดท้ายนั้น รักษาตัวจนหายเป็นปกติดี ไม่พบเชื้ออีกแล้ว ซึ่งทางโรงพยาบาลได้มีการตรวจซ้ำหลายรอบจนมั่นใจว่าผลออกมาเป็นลบ ซึ่งหลังจากนี้สองแม่ลูกก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ดังนั้นจึงขอให้ผู้ที่อยู่ในสังคมรอบข้างอย่าได้รังเกียจหรือไม่ต้อนรับผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดทุกราย เพราะทางแพทย์ขอยืนยันได้ว่า บุคคลเหล่านี้ไม่มีเชื้อโควิดแล้วอย่างแน่นอน จึงไม่สามารถนำโรคติดต่อไปสู่ใครได้อีก ขอให้คนในสังคมให้ความช่วยเหลือและดูแลพวกเขาเหล่านั้น ให้เหมือนกับเป็นญาติมิตรของตนเองที่เคยอยู่ร่วมกันมาและขอให้ทุกคนพร้อมสู้โควิดไปด้วยกัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ที่อาจเกิดขึ้นได้
ชูชาต แดพยนต์ ทีมข่าวสมุทรสาคร