ผู้ว่าฯ สมุทรสาครใช้ยาแรง จับ – ปรับ – ปิด คุมโควิดตลาดนัด ดีเดย์ 7 พ.ค.
เมื่อวันที่ 04 พฤษภาคม 2563 เวลา 14.00 น.นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด และนายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ได้มีการจัดประชุมตัวแทนผู้ประกอบการค้าขายในตลาดเขตอำเภอเมืองสมุทรสาคร เพื่อชี้แจงแนวทางการค้าขายในตลาดนัดหลังมีมาตรการผ่อนปรนให้สินค้าทุกชนิดกลับมาค้าขายในตลาดนัดได้ดังเดิม แต่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่วางไว้อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในเรื่องของการสวมหน้ากากอนามัย , การตรวจคัดกรองผู้เข้ามาจับจ่ายซื้อของในตลาดนัด,การใช้เจลหรือแอลกอฮอล์ล้างมือ,การจัดระเบียบตลาดนัด, และการจัดระยะห่างทางสังคม เป็นต้น ซึ่งหลังจากนี้ก็จะประชุมตัวแทนตลาดนัดจนครบทั้ง 3 อำเภอ ก่อนที่จะใช้มาตรการเข้ม “จับ – ปรับ – ปิด” ดีเดย์ 7 พฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป
นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ออกประกาศให้ทุกจังหวัดมีมาตรการผ่อนปรนผู้ค้าตลาดนัดให้สามารถกลับมาค้าขายได้ดังเดิมนั้น แม้จะเป็นการช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าและผู้มาจับจ่ายซื้อของในตลาดนัดให้ได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่สถานการณ์แบบนี้ก็ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ง่ายอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะตามตลาดต่างๆ ที่มีผู้คนเข้าไปจับจ่ายซื้อของกันอย่างหนาแน่น ดังนั้นทางจังหวัดสมุทรสาครจึงต้องมีการประชุมกับผู้ค้าขายในทั้ง 3 อำเภอ เพื่อสร้างความเข้าใจ ความร่วมมือ และแนวทางการปฏิบัติที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันในทุกๆ แห่ง ทั้งตลาดนัดและตลาดสด ที่นอกจากจะขายได้ไม่เกิน 6 ชั่วโมงแล้ว ยังจะต้องให้ความสำคัญกับการจัดระเบียบตลาดนัดไม่ให้มีความแออัด , อยู่ในสถานที่โล่งโปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก,มีทางเข้าออกทางเดียวเพื่อให้ผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาดได้ผ่านจุดคัดกรอง,มีการตั้งเจลหรือแอลกอฮอล์ล้างมือไว้ให้ลูกค้า,การเว้นระยะห่างทางสังคม ด้วยการจำกัดจำนวนลูกค้าที่เข้ามาซื้อของไม่ให้มีปริมาณที่มากเกินไปจนก่อให้เกิดความแออัด และที่สำคัญซึ่งมีบทลงโทษด้วย คือ มาตรการบังคับให้ทุกคนที่มาตลาดนัดทั้งพ่อค้าแม่ค้า และผู้มาจับจ่ายซื้อของต้องสวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย และต้องสวมอย่างถูกวิธีด้วย คือ สวมปิดทับจมูก ไม่ใช่สวมใส่หน้ากากแต่เอาไว้ใต้คาง
นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องของการสวมหน้ากากอนามัยที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับตลาดนัดนั้น หากใครไม่ให้ความสำคัญก็จะต้องมีโทษทั้ง จับ ปรับ และปิด โดยจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องที่ลงไปตรวจตราเสมอ หากพบว่าใครไม่สวมหน้ากากอนามัย แรกเริ่มอาจจะมีการจับมาตักเตือนก่อน หลังจากนั้นหากยังพบการกระทำผิดซ้ำก็จะต้องถูกจับปรับตามคำสั่งเดิมที่เคยประกาศไว้ มีโทษไม่เกิน 20,000 บาท และถ้ายังคงพบการกระทำผิดซ้ำอีกแม้แต่รายเดียวในตลาดนัดแห่งเดิม หรือพบการกระทำความผิดที่เพิ่มมากขึ้น ทางผู้ดูแลตลาดนัดแห่งนั้น ก็จะต้องถูกดำเนินการขั้นเด็ดขาดด้วยการ จับ ปรับ แล้วสั่งปิดตลาดนัดทันที โดยจะเริ่มดำเนินการดีเดย์ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป ซึ่งมาตรการเข้มข้นนี้ ไม่ใช่จำเพาะแค่ตลาดเท่านั้น แต่รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ห้างร้านทั่วไปด้วย ซึ่งจะต้องรับลูกค้าเข้าร้านให้พอดี ให้สามารถทำระยะห่างกันได้ ทั้งนี้ก็เนื่องด้วยสมุทรสาครเป็นพื้นที่ที่มีผู้คนเดินทางเข้าออกตลอด จึงต้องมีการควบคุมเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น เพราะหากปล่อยปละละเลย ก็อาจนำไปสู่การแพร่ระบาดครั้งที่ 2 ได้ แล้วสิ่งที่เคยทำมาทั้งหมดก็จะกลายเป็นศูนย์ และต้องมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ อีกทั้งหากเกิดขึ้นจริง นั่นหมายถึง มาตรการเข้มข้นต่างๆ ก็จะถูกนำมาใช้เหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิม
ชูชาต แดพยนต์ ทีมข่าวสมุทรสาคร