นครปฐม หลวงพี่น้ำฝนมอบหน้ากาก”ยันต์นะปัดตลอด”1,000อันให้โรงพยาบาลนครปฐม
เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2563 ที่ วิหารพระพุทธเมตตาประทานพร วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม มอบหน้ากากอนามัยผ้ามัสลินยันต์นะปัดตลอด ให้กับโรงพยาบาลนครปฐม จำนวน1,000อัน โดยมี นายแพทย์ ดำรัส ลิ่มทองนพคุณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านกิจกรรมพิเศษและสื่อสารองค์กร โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม เป็นผู้แทนรับมอบ เพื่อส่งมอบให้กับแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายแพทย์ดำรัส ลิ่มทองนพคุณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านกิจกรรมพิเศษและสื่อสารองค์กร โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ว่าในวันนี้ที่มารับหน้ากากอนามัย ผ้ามัสลิน ยันต์นะปัดตลอด นี้ทางโรงพยาบาลจะนำไปให้แพทย์หรือพยาบาลและบุคลากรใช้ หรือจะแจกประชาชน ซึ่งนายแพทย์ดำรัส กล่าวว่า วันนี้ทางโรงพยาบาลนครปฐมก็ได้รับความกรุณาจากหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ซึ่งท่านได้กรุณามอบหน้ากากผ้ามัสลิน ยันต์นะปัดตลอด ที่ท่านได้ออกแบบเองมอบให้บุคลากรชาวโรงพยาบาลนครปฐม จำนวน 1,000 ชิ้นนี้ ที่ได้รับแล้วก็จะนำไปแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ ในโรงพยาบาล เพื่อจะนำไปใช้ประโยชน์ สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ ซึ่งก็จะช่วยให้โรงพยาบาลในบางจุดที่เราไม่จำเป็นจะต้องใช้หน้ากากอนามัยก็จะใช้หน้ากากอนามัยแบบผ้านี้แทนได้ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าการที่โรงพยาบาลนครปฐมรับผู้ป่วยโควิดเข้ามารักษา ความปลอดภัยและการป้องกันตัวของบุคลากรทางการแพทย์ตอนนี้ดำเนินการอย่างไร ซึ่งทางนายแพทย์ดำรัสกล่าวต่อว่า โรงพยาบาลได้วางมาตรการไว้ทุกอย่างทั้งป้องกันตัวบุคลากรเอง ป้องกันตัวญาติที่มาเยี่ยมด้วย ตลอดจนผู้ป่วยที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลและก็มีมาตรการหลายๆอย่างในการป้องกันโรคในขนะนี้ ในส่วนของหน้ากากอนามัยตอนนี้ก็ยังมีความจำเป็นอย่างมากอยู่ เพราะว่าเป็นการป้องกันโรค คือประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้สัมผัสกับคนป่วยใกล้ชิด สามารถใช้หน้ากากผ้าได้ และกรณีที่เราออกไปนอกเคหะสถาน ขอแนะนำว่ายังไงก็ต้องใช้หน้ากากตลอดเวลาไม่จำเป็นจะต้องเป็นหน้ากากอนามัยก็ได้ส่วนหน้ากากผ้าที่ทำจากผ้ามัสลินนี้ก็สมารถใช้ได้ดีเลยทีเดียว นายแพทย์ดำรัสกล่าว
พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวได้กราบนมัสการถาม หลวงพี่น้ำฝนว่าหน้ากากผ้ามัสลิน ยันต์นะปัดตลอด ตอนนี้ได้ขายไปเยอะแล้ว หลวงพี่ได้นำมาช่วยในด้านสาธารณะสงเคราะห์กับหน่วยงานไหนอย่างไรบ้าง. ซึ่งทางด้านหลวงพี่น้ำฝน ได้กล่าวว่า เจริญพรญาติโยม หลังจากที่ได้จัดส่งหน้ากากผ้ามัสลิน ยันต์นะปัดตลอด ให้แก่ผู้มีจิตศรัทธาในการร่วมทำบุญกับกองทุนหลวงพ่อพูลที่เกือบจะเรียบร้อยสมบูรณ์หมดแล้ว ก็จะนำไปสู่ให้แก่บุคลากรที่จะดำเนินการคอยดูแลช่วยเหลือประชาชน เช่นโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่อาสา เดี๋ยวก็จะค่อยๆดูและจะค่อยทยอยมอบไป ตอนนี้ก็มอบไปให้หน่วยงานโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม สถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม หน่วยงานจราจรและรวมไปถึง ตำรวจตม.หรือตรวจคนเข้าเมือง ใน4หน่วยงานนี้ ก็ได้มอบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วตามที่ได้ขอมา
ผู้สื่อข่าวได้นมัสการถามหลวงพี่น้ำฝนต่อว่า นะตอนนี้หน้ากากที่ส่งออกไปสู่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ต่างๆมันก็เป็นผลที่ประชาชนได้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญหน้ากากผ้ามัสลิน ยันต์นะปัดตลอดนี้ ใช่ไหม ซึ่งหลวงพี่น้ำฝนได้กล่าวต่อว่า กองทุนหลวงพ่อพูล เพื่อสาธารณะสงเคราะห์ ช่วยเหลือมาตลอดตั้งแต่คนที่มีชีวิตอยู่ รวมไปถึงผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ได้รับการสงเคราะห์จากกองทุนหลวงพ่อพูล เมื่อท่านร้องขอมาและสิ่งใดที่กองทุนหลวงพ่อพูลจะช่วยเหลือได้ก็จะช่วยเหลือ ซึ่งก็เป็นผลิตผล ดอกผลจากหน้ากากอนามัยผ้ามัสลิน ยันต์นะปัดตลอดนี้ ที่จะนำคืนสู่สังคมอีกนั่นเอง และสำคัญที่สุดต่อไปนี้สังคมปิดปาก-ปิดจมูกจะต้องเริ่มแล้ว ไม่ใช่ว่าพอหมดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 นี้แล้วก็จะไม่ใส่หน้ากาก
อาตมากลับมาดูแล้วพอได้สัมผัสถึงได้รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่จะต้องใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว บอกไว้เลยว่าเมื่อท่านได้เดินออกจากบ้านไป ท่านจะต้องมีหน้ากากปิดปาก-ปิดจมูก ในการเดินออกไปนอกบ้านรับรองเชื้อโรคต่างๆนาๆ เชื่อมั่นเลยว่ามันจะน้อยลงที่สุด หลังจากที่อาตมาได้ลองใช้โดยตลอดออกจากกุฎิก็ใส่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในวัดเองก็ต้องใส่ จะออกเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องใส่ ไม่มีการเป็นไข้หวัด เป็นอะไรเลยนี่เรื่องจริง ก็ถึงได้บอกว่าต่อไปอนาคตเราก็ต้องใช้หน้ากากอนามัย ที่จะดำรงชีวิต ดำเนินชีวิตแล้วก็ทำให้ป้องกันเชื้อโรคต่างๆได้อย่างแน่นอนเลยเป็นอันดับแรกเลย เพราะฉนั้นถือว่าอาตมา มาถูกทางแล้ว ในการที่จะรณรงค์ให้ท่านทั้งหลาย เชื่อเถอะว่าใส่ไว้ตลอดจะทำให้ท่านมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง หนักก็กายเป็นเบา เบาก็มลายหายไปกลายเป็นไม่มีเลย แม้แต่คณะสงฆ์ก็มีการดำเนินการแจกให้ไปเป็นบางส่วนอยู่แล้วควบคู่กันไป อาตมาก็ช่วยเหลืองานด้านคณะสงฆ์อยู่แล้ว แม้แต่คณะสงฆ์ของวัดไผ่ล้อมตอนนี้เวลาเดินออกไปบิณฑบาตในตอนเช้าก็ต้องใส่ออกไปบิณฑบาตแล้ว ทุกคนต้องใส่หน้ากากหมดและก็คิดว่าต้องใส่ไปตลอด รับรองได้ครับคือเมื่อท่านใส่ไปแล้วสุขภาพร่างกายแข็งแรงแน่นอนทุกท่านก็เหมือนกันลงให้ได้ใส่ไปตลอดชีวิตได้ก็ยิ่งดีก้าวออกจากบ้านถ้าท่านอยู่ในบ้านก็ไม่ต้องใส่แต่เมื่อก้าวออกจากบ้านไปทำงานไปประกอบอาชีพดำเนินชีวิตขอให้ท่านติดไปให้ครับสุขภาพแข็งแรงนั่นเอง