สุพรรณบุรี วงจรปิดจับภาพคนร้ายขี่บิ๊กไบก์ฝ่าเคอร์ฟิวบุกเผาร้านส้มตำ
ที่ จ.สุพรรณบุรี เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 25 เมษายน พ.ต.ต.พุฒิชัย มินเสน สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุวางเพลิงเผาร้านส้มตำชื่อร้านหมีเดือดเลขที่13 ถนนพันศรโยธา ต.รั้วใหญ่ จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังฝ่ายสืบสวนที่เกิดเหตุพบนายเดชวัต บุญศรีวงษ์ อายุ 31 ปีเจ้าของร้านพร้อมภรรยาและลูก 3 คนรวมทั้งคนในครอบครัวรอให้กับเจ้าหน้าที่
จากการสอบสวนนายเดชวัต บุญศรีวงษ์ อายุ 31 ปีเจ้าของร้านให้การว่าเป็นเจ้าของร้านขายส้มตำเปิดให้บริการมาได้ 3 ปีกว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาขณะที่ตนและครอบครัวซึ่งมีภรรยาและลูกชาย 3 คนอายุ 2ขวบ 6 ขวบและ 13 ปีกำลังนอนหลับอยู่ในห้องนอนซึ่งอยู่ติดกับห้องครัวกระทั่งเช้าตื่นนอนขึ้นมาได้เดินมาที่หน้าร้านพบที่หน้าต่างบานกระจกห้องครัวมีรอยแตกเป็นรูโบ๋และมีครบควันไฟดำติดผนังห้องจึงเข้าไปดูในห้องครัวก็พบที่เตาแก๊สมีรอยถูกไฟไหม้มีเศษเสื่อน้ำมันติดอยู่ที่โต๊ะไม้ติดกันถูกไฟไหม้เสียหายบางส่วนนอกจากนี้ยังมีไข่ไก่หลายแผงถูกไฟไหม้เสียหาย หลังจากตรวจสอบความเสียหายแล้วจึงรีบเปิดกล้องวงจรปิดดู
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภาพพบว่าเมื่อช่วงเวลาประมาณ 02.40 น.วันที่ 25 เมษายน มีคนร้ายเป็นชายร่างผอมสูงประมาณ 165 เซนติเมตรขี่รถจักรยานยนต์แบบบิ๊กไบก์สะพายกระเป๋าไว้ที่ด้านหลัง เข้ามาจอดหน้าร้านจากนั้นร้ายได้ถือเสื่อน้ำมันเดินเข้ามาที่หน้าห้องครัวก่อนจะเปิดหน้าต่างซึ่งเป็นกระจกแล้วโยนเสื่อน้ำมันเข้าไปก่อนจะหยิบขวดน้ำมันในกระเป๋าออกมาเทลงบนเสื่อน้ำมันแล้วจุดไฟเผาทันทีจนไฟเกิดลุกไหม้ขึ้นหลังก่อเหตุคนร้ายได้เดินไปขี่รถจักรยานยนต์ออกจากหน้าร้านเลี้ยวซ้ายไปทางสี่แยกมะขามสามต้น
นายเดชวัต ให้การอีกว่าก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 เมษายน ได้มีชายรูปร่างลักษณะคล้ายกับคนร้ายขับขี่รถจักยานยนต์แบบบิ๊กไบก์สีแดงเทาไม่ทราบหมายเลขทะเบียนแต่งตัวนุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินเข้มสวมรองเท้าผ้าใบสะพายกระเป๋าเป้สีดำเดินถือหมวกกันน็อกเข้ามาที่ร้านและขอเงินภรรยาของตน 100 บาทโดยอ้างว่าจะเอาเงินไปเติมน้ำมันรถกลับบ้านที่ จ.ชัยนาท ระหว่างนั้นตนกลับจากส่งอาหารให้ลูกค้าเจอกับชายคนดังกล่าวจึงถามว่ามาทำไมและชายคนนั้นตอบว่ามาขอเงินเติมน้ำมันรถกลับบ้านตนไม่เชื่อเนื่องจากก่อนหน้านี้พี่ชายได้เล่าให้ตนฟังว่ามีคนเข้าไปขอเงินแม่ที่บ้านลักษณะคล้ายกันจึงบอกให้รอเดี๋ยวให้ตำรวจมาดูก่อนแต่ชายคนดังกล่าวบอกไม่อยู่ถ้าเจอตำรวจก็ถูกกักตัวสิตนจึงขอเงิน 100 บาทที่ภรรยาให้คืนและชายคนดังกล่าวก็ยอมคืนเงินให้พร้อมกับเดินออกจากร้านไป
จากนั้นตนได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปโพสต์เฟสบุ๊กกลุ่มกินเที่ยวให้สมาชิกในกลุ่มได้รู้ถึงพฤติกรรมของชายคนดังกล่าวหลังจากที่ตนโพสต์เฟสบุ๊กได้มีคนเข้ามาคอมเม้นจำนวนมากว่าถูกชายคนนี้เข้าไปขอเงินกันจำนวนมากแม้กระทั่งพระสงฆ์ยังถูกชายคนนี้เข้าไปขอเงินและได้เงินไปหลายร้อยบาท ต่อมามีหญิงสาวคนบ้านอยู่ ต.สระแก้ว อ.เมืองสุพรรณบุรี หนึ่งเห็นโพสต์ของตนได้สอบถามเข้ามาและบอกว่าเป็นน้องเขยนิสัยไม่ดีคนในบ้านไม่มีใครเอาเนื่องจากไม่ทำงานชอบกินเหล้าแต่ละวันจะหลอกคนที่บ้านว่าออกไปดูงานตรวจงานและกลับมาบ้านบางวันได้เงินประมาณ 1,000 บ้าง 400 – 500 บาทบ้างตอนนี้คนที่บ้านรู้แล้วว่ามันคือมิจฉาชีพ ใครพบเห็นให้แจ้งตำรวจจับได้เลยคนที่บ้านไม่มีใครเอาแล้ว ดังนั้นตนเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็นคนเดียวกันสาเหตุที่มาเผาร้านของตนน่าจะโกรธแค้นที่ถูกตนทวงเงิน 100บาทคืนแล้วนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปโพสต์เฟสบุ๊กเปิดโปงพฤติกรรมทำให้ญาติเมียรู้เรื่องจนถูกไล่ออกจากบ้านจึงมาก่อเหตุโชคดีที่ไฟไม่ได้ลุกลามไปยังห้องนอนของตนที่ทุกคนกำนอนหลับสนิทไม่มีใครรู้คงจะถูกไฟไหม้เสียชีวิตทั้งครอบครัวดังนั้นจึงขอฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับตัวมาดำเนินคดีให้ได้เนื่องจากคนร้ายก่อเหตุโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายฝ่าฝืนกฎหมายเคอร์ฟิว
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆเพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวนหาเบาะแสและติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
ภัทรพล พรมพัก/สุพรรณบุรี