กรมป่าไม้อนุมัติพื้นที่ดำเนินโครงการพัฒนาป่าไม้โครงการหลวง 37 แห่ง

กรมป่าไม้อนุมัติพื้นที่ดำเนินโครงการพัฒนาป่าไม้โครงการหลวง 37 แห่ง
วันอังคารที่ 21 เมษายน 2563 เวลา 14.30 น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมผู้บริหารของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เข้าพบองคมนตรี พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิโครงการหลวง ณ ทำเนียบองคมนตรี เพื่อมอบประกาศกรมป่าไม้ อนุมัติการดำเนินโครงการพัฒนาป่าไม้โครงการหลวงในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507


ด้วยราษฎรชาวไทยภูเขาเผ่าต่าง ๆ ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่สูงทางภาคเหนือ ในอดีตดำรงชีพด้วยการปลูกฝิ่น ทำไร่เลื่อนลอย ซึ่งเป็นการทำลายป่าต้นน้ำลำธาร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงพระราชทาน “โครงการหลวง” เป็นโครงการส่วนพระองค์ ในปี พ.ศ.2512 เพื่อวิจัยพัฒนาพืชเขตหนาว สร้างอาชีพทดแทนพืชเสพติด คือ ฝิ่น ส่งเสริม สนับสนุนให้ราษฎรชาวเขาเหล่านั้นมีอาชีพสุจริต มีความเป็นอยู่ดีขึ้น สามารถดำรงชีวิตในถิ่นที่อยู่ซึ่งเป็นป่าต้นลำธารที่สำคัญของประเทศอย่างเหมาะสม เกื้อกูลกัน จนถึงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ยังทรงมีพระราชปณิธาน สืบสาน รักษา ต่อยอดแนวทางการทำงานของโครงการหลวงให้บรรลุตามพระราชประสงค์ของพระบรมราชชนกอย่างยั่งยืน


พื้นที่ดำเนินการของโครงการหลวงซึ่งตั้งอยู่ใน 6 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน พะเยา และตาก รวมกว่า 3.18 ล้านไร่ ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือเขตอุทยานแห่งชาติ ดังนั้น การเข้าดำเนินการใช้ประโยชน์ในพื้นที่เหล่านี้จึงมีข้อจำกัด แต่เพื่อให้การดำเนินการของโครงการหลวงซึ่งสร้างประโยชน์แก่คนทุกหมู่เหล่าได้ต่อยอดสู่ความยั่งยืน สร้างชีวิตพอเพียงแก่ราษฎรชาวเขา สร้างประโยชน์สุขแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่า รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงแก่ประเทศ หน่วยงานภาครัฐจึงร่วมสนับสนุน และขับเคลื่อนให้การดำเนินการของโครงการหลวงบรรลุสู่เป้าหมาย สามารถปรับเปลี่ยนแนวคิดของคนบนพื้นที่สูง ให้รักถิ่นฐาน ประกอบอาชีพ อยู่ร่วมกับป่าโดยไม่ผิดกฎหมาย เป็นไปแนวทางพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 อย่างยั่งยืน


กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดทำโครงการพัฒนาป่าไม้โครงการหลวงในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่โครงการหลวงดำเนินงาน โดยลำดับแรกได้ดำเนินการสำรวจขอบเขตพื้นที่ใช้ประโยชน์รวม และขออนุมัติดำเนินโครงการตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ซึ่งได้ผ่านการอนุมัติจากกรมป่าไม้ และมอบประกาศพื้นที่แก่มูลนิธิโครงการหลวงในครั้งนี้ ในขั้นตอนต่อไปเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้จะประสานการปฏิบัติงานกับโครงการหลวงเพื่อขอใช้ประโยชน์พื้นที่ในส่วนที่ตั้งของสถานีวิจัย และศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ดำเนินการวิจัย ทดสอบ สาธิต โดยเป็นการดำเนินการตามมาตรา 13/1 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 แล้วจึงดำเนินการขอใช้ประโยชน์พื้นที่ส่งเสริมเกษตรกร ตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ในลำดับต่อไป ซึ่งจะทำให้การดำเนินงานของโครงการหลวงบรรลุสู่เป้าหมายการพัฒนาชุมชนมีสุข สิ่งแวดล้อมได้รับการอนุรักษ์ ส่งเสริม ฟื้นฟูสู่ความอุดมสมบูรณ์ อย่างยั่งยืนต่อไป

สำราญ แสงสงค์ ข่าว