หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถานทับสะแก กักตัวอาสา 14 คน กรณีคนตายในรถไฟติดโควิด และหยุดวิ่งบริการจนกว่าสถาการณ์จะปกติ
วันที่ 2 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถานทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้โพรสเฟรตหน่วยกู้ภัยว่า ขออนุญาตเรียนชี้แจงการจัดการ กรณีพบผู้เสียชีวิตบนขบวนรถไฟกรุงเทพ-สุไหงโกลก เมื่อคืนวันที่ 30 มีนาคม 63 ที่ผ่านมา 1 จัดเก็บศพก่อนประกอบพิธีทางศาสนา ที่มูลนิธิสว่างรุงเรืองธรรมสถาน 2.โรงพยาบาลเก็บตัวอย่างส่งพิสูจน์ 3.ผลจากห้องตรวจเชื้อพบว่าผู้เสียชีวิตติดเชื้อโควิด-19 4.นำศพดำเนินการตามหลักศาสนาอิสลามและมาตรการป้องกันโรค ณสุสานอิสลามทับสะแก 5.เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยข้องทุกนาย สาธารณสุขอำเภอได้ให้คำแนะนำและทำการกักตัว 14 วัน 6.ทำการฉีดพ่นฆ่าเชื้อ ตู้รถไฟดังกล่าวและบริเวณมูลนิธิฯ แล้วจากเหตุการดังกล่าวนั้นทางหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถานได้ให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยทางหน่วยได้แสดงความรับผิดชอบโดยทำการกักตัวเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของ
หน่วยและหยุดรับเครสวิ่งปฏิบัติหน้าที่งานบริการและรับผู้ป่วยเป็นเวลา 14 วัน หรือจนกว่าจะมีผลเป็นลบ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จึงขอให้พี่น้อง
ประชาชนชาวทับสะแกและใกล้เคียงอย่าได้ตื่นตกใจจนเกินไป หากมีข้อผิดพลาดประการใด ทางหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถานขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย จึงแจ้งมาเพื่อทราบ.กู้ภัยสว่าง นายเสียวเง็ก จิรวัฒนาพร ประธานมูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถานทับสะแก เปิดเผยว่า ขณะนี้ต้องปิดประตูมูลนิธิฯ เพื่อให้กู้ภ้ยทั้ง 14 คน ที่เกี่ยวข้องในการไปรับศพผู้เสียช่วิตบนรถไฟและการนำจัดเก็บที่มูลนิธิ รวมทั่งนำไปประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม บางคนมีการสัมผัสไกล้ชิดที่เข้าไปยกศพ เพราะได้รับแจ้งเพียงผู้เสียชีวิตเท่านั้น ไม่ได้รับแจ้งว่าติดโรคโควิด 19 และไม่รู้ว่าผ่านขบวนการตรวจสอบมาได้ย่างไร จึงต้องกักตัวอาสาสมัครทั้ง 14 คนให้อยู่ในมูลนิธิเพื่อแยกดูอาการแต่ละคน และต้องสั่งหยุดรับเครสทั้งหมด เพราะต้องรักษาอาสาสมัครเพราะเราไม่มีชุด PPE หรืออุปกรณ์ในการทำงานกับโรคนี้เกรงไม่ปลอดภัย ที่ผ่านเคยร้องขอสนับสนุนทางภาครัฐ แต่ไม่ได้รับ ตามที่ี้ร้องขอ “อาสาสมัครทุกคนเป็นคนดีทำงานกันมานาน ไม่มีเงินเดือนแต่เสียสละเวลามาทุ่มเทช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ อย่างไรก็ดีหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้มีผู้ให้กำลังใจเข้ามาจำนวนมาก แต่บางส่วนก็พูดแบบไม่ได้ให้กำลังใจแถมทำให้เสียกำลังใจอีก แต่เราก็จะทำงานต่อไปเมื่อมีความพร้อมเพราะเราต้องช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน” ประธานมูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถานทับสะแกกล่าว