ผู้ว่าประจวบระดมหลายหน่วยงานวางแผนปรับภูมิทัศน์โรงสีข้าวพระราชทานเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เตรียมความพร้อมเดินเครื่องสีข้าวพระราชทานปลายเดือนมกราคมนี้ และทำนุบำรุงมะม่วงน้ำดอกไม้ทรงปลูกให้คงอยู่เป็นขวัญกำลังใจชาวประจวบ
เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.วันที่ 14 มกราคม 2562 นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดินทางลงพื้นที่ สำรวจโรงสีข้าวพระราชทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ณ สหกรณ์การเกษตรโรงสีข้าวพระราชทานอ่าวน้อย จำกัด ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 บ้านนิคม กม.12 ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยได้นำหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยสถานีวนวัฒนวิจัยประจวบคีรีขันธ์ สำนักงานพลังงานจังหวัดประจวบ สำนักงานสหกรณ์จังหวัด สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด สำนักงานเกษตรจังหวัด อำเภอเมืองประจวบ องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวน้อย เทศบาลตำบล กม.5 สำนักงานจังหวัดประจวบ สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดประจวบ ร่วมลงพื้นที่สำรวจและหารือแนวทางการพัฒนาปรับปรุงฟื้นฟูโรงสีข้าวพระราชทานให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ โดยมีนายชาญณรงค์ สายสกล รักษาการประธานคณะกรรมการสหกรณ์ฯ นางสาวจันทิมา ทับทอง ผู้จัดการสหกรณ์ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำหน่วยงานในท้องที่ให้การต้อนรับ
ซึ่งโรงสีข้าวพระราชทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริแห่งนี้ ได้จดทะเบียนเป็นสหกรณ์การเกษตรโรงสีข้าวพระราชทานอ่าวน้อย จำกัด เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2524 โดยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมานิคมสร้างตนเอง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้พระราชทานเครื่องสีข้าวขนาด 45 แรงม้า สีขาวได้ 16 เกวียน/ 24 ชั่วโมง(หรือวันละ 16 เกวียน) มูลค่า 750,000 บาท ให้ทางนิคมสร้างตนเองประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายวิรัตน์ ตันจินดาประทีป เจ้าของและผู้จัดการห้างยนต์อีสาน มิลเลอร์ จังหวัดนครราชสีมา น้อมเกล้าถวายเครื่องสีข้าวพร้อมอุปกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรทำไร่อ่าวน้อย สมาชิกนิคมสร้างตนเองและราษฎรทั่วไป ร่วมบริจาคเงินสมทบเพื่อจัดสร้างโรงเรือนและฉางข้าว มูลค่า 800,000 บาท สามารถเก็บข้าวเปลือกได้ 300 เกวียน และนางเจียรนัย โพธิ์เสือ ได้น้อมเกล้าถวายที่ดิน 3 ไร่ เพื่อเป็นที่ตั้งเครื่องสีข้าวพระราชทาน และทำพิธีเปิดในวันเดียวกันในปี พ.ศ.2558 นอกจากนี้ นายธีระนันท์ บัวเพ็ชร ได้มอบที่ดินประมาณ 3 ไร่ ให้กับโรงสีข้าวพระราชทาน ปัจจุบันโรงสีข้าวมีเนื้อที่รวม 6 ไร่
ทั้งนี้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการพัฒนาปรับปรุงโรงสีข้าวพระราชทาน และต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ทรงปลูกทั้ง 2 ต้น ที่ทั้งสองพระองค์ทรงปลูกไว้เมื่อครั้งเสด็จมาพระราชทานเครื่องสีข้าว เพื่อให้เกษตรกรได้นำไปปลูกขยายพันธุ์สร้างอาชีพ เมื่อปี พ.ศ.2524 ปัจจุบันต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ทรงปลูกมีอายุประมาณ 39 ปี ขณะนี้มีสภาพถูกเพี้ยระบาดกัดกินดอกเกสร ทำให้ไม่สามารถติดดอกออกผลตามฤดูกาล ทางด้านผู้ว่าราชการจังหวัดจึงได้มอบหมายให้สถานีวนวัฒนวิจัยประจวบคีรีขันธ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำนุบำรุงต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ทรงปลูกให้คงอยู่ตามข้อเสนอแนะขององคมนตรี พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุก โดยให้มีการขยายพื้นที่รอบโคนต้นให้กว้างออกมาจากเดิมเท่ากับพื้นที่ของกิ่งพุ่ม และห้ามมิให้นำรถเข้ามาจอดในร่มเงาใต้โคนต้นเพื่อให้รากของต้นมะม่วงได้ขยายออกหากินได้อย่างเต็มที่
ในส่วนของโรงสีข้าวพระราชทานได้มอบหมายให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดดำเนินการวางแผนฟื้นฟูสหกรณ์ให้กลับมามีรายได้จนสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้โดยไม่ขาดทุน พร้อมกับเตรียมประสานกับปั๊มน้ำมันบางจากเข้ามาร่วมลงทุนกับสหกรณ์จัดตั้งปั๊มน้ำมัน และมอบหมายให้สำนักงานพลังงานจังหวัด ดำเนินการเคลื่อนย้ายถังบรรจุน้ำมันขนาดใหญ่ของปั๊มน้ำมันสหกรณ์ ที่บดบังทัศนียภาพของต้นมะม่วงทรงปลูกออกไปไว้ในจุดอื่นชั่วคราวในช่วงระหว่างรอการประสานร่วมจัดตั้งปั๊มน้ำมันกับบางจาก และถ้าหากปั๊มน้ำมันของสหกรณ์ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนอาจจะมีการยกเลิกกิจการปั๊มน้ำมันเดิมในขณะนี้ ซึ่งไม่มีแบรนด์ตรายี่ห้อจึงทำให้กลุ่มผู้ใช้รถไม่มั่นใจในคุณภาพน้ำมัน จากนั้นปรับเป็นลานจอดรถแทนเมื่อพัฒนากลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์แล้ว
นอกจากนี้ยังมีแผนในการประสานงานกับภาคีเครือข่ายจัดซื้อข้าวเปลือกมาสี 2 ครั้งต่อเดือน ครั้งละ 5 ตัน มาทดลองเดินเครื่องสีข้าวพระราชทานรวมแล้ว 10 ตันต่อเดือน จากนั้นจะจำหน่ายให้กับกองบิน 5 และโรงพยาบาลประจวบฯ ซึ่งคาดว่าในปลายเดือนมกราคม 63 นี้จะสามารถเปิดเดินเครื่องเป็นปฐมฤกษ์ได้ เพื่อจะได้รู้ว่าต้องปรับปรุงซ่อมแซมเครื่องสีข้าวพระราชทานตรงจุดไหนบ้าง
////////////////////
ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงาน