อุบลราชธานี-ประกอบพิธีบวงสรวงและสดุดีวีรกรรมพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ เจ้าคำผง ประจำปี 2562
นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ผู้แทนจังหวัดยโสธร อำนาจเจริญ และนำหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิเจ้าคำผง สถานศึกษาและภาคเอกชน จังหวัดอุบลราชธานี และ พ.ต.อ.ทวี กิติวิริยกุล ผกก.สภ.วารินชำราบ ประกอบพิธีบวงสรวงและสดุดีวีรกรรมพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ เจ้าคำผง ประจำปี 2562 ผู้ก่อตั้งเมืองอุบลราชธานี โดยกิจกรรมมีการประกอบพิธีไหว้พระเจ้าใหญ่องค์หลวงและพิธีสักการะ รูปจำลองพระประทุมวรราช สุริยวงษ์ เจ้าคำผง ที่วัดหลวง ตำบลในเมือง จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
อัญเชิญรูปจำลององค์เล็กนำขบวนอัญเชิญเครื่องยศเจ้าเมืองตามแบบโบราณ จากวัดหลวงมาสู่บริเวณอนุสาวรีย์พระประทุมวรราช สุริยวงษ์ เจ้าคำผง ที่อนุสาวรีย์พระประทุมวรราชสุริยวงษ์ เจ้าคำผง เพื่อประกอบพิธีบวงสรวง สักการะ สดุดีวีรกรรมพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ เจ้าคำผง พิธีวางขันหมากเบ็ง การแสดงรำถวายมือ จากนักเรียน นักศึก ประชาชนชาวจังหวัดอุบลราชธานี พระประทุมวราชสุริยวงศ์ เจ้าคำผง เป็นบุตรของพระเจ้าตาและ นางบุศดี เกิดเมื่อปี พ.ศ.2252 ที่นครเวียงจันทร์ เป็นหลานปูเจ้าปางคำ ราชวงศ์เชียงรุ้ง เจ้าปางคำได้อพยพมาสร้างเมืองหนองบัวลุ่มภู หนองบัวลำภู หรือ นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน เจ้าคำผงได้เสกสมรสกับเจ้านางตุ่ย ธิดาอุปราช ธรรมเทโว อนุชาของพระเจ้าองค์หลวง ไชยกุมาร เจ้านครจำปาศักดิ์ และได้รับแต่งตั้งเป็นพระประทุมสุรราช เมื่อปี พ.ศ. 2323 อันเป็นตำแหน่งนายกองใหญ่คุมเล็ก ไพร่ อยู่ที่บ้านดู่ บ้านแก ขึ้นกับนครจำปาศักดิ์ ต่อมาในปี พ.ศ.2329 ได้ย้ายครอบครัวและไพร่พลจากบ้านดู่ บ้านแก มาตั้งบ้านเมืองใหม่ที่ตำบลห้วยแจระแม โดยพระบรมราชานุญาตในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และตั้งชื่อเมืองนี้ว่า เมืองอุบล จากการร่วมปราบกบฏอ้ายเซียงแก้ว ในปี พ.ศ.2335 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพระประทุมสุรราช เจ้าคำผง เป็นพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ และยกฐานะเมืองอุบล เป็น “เมืองอุบลราชธานี ศรีวนาลัย ประเทศราช ด้านการสงคราม เป็นทหารเอกในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ช่วยเหลือการสงครามระหว่างไทยกับหัวเมืองประเทศราชปราบปรามความไม่สงบทที่เกิดขึ้นในหัวเมืองต่างๆ หลายครั้ง พระประทุมวรราชสุริยวงษ์ ครองเมืองอุบลาชธานี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2321 จนถึงปี พ.ศ.2338 รวม 17 ปี ถึงแก่พิราลัย เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2338 สิริอายุได้ 85 ปี ทำศพเมรุนกหัสดีลิงค์
เผาที่ทุ่งศรีเมือง แล้วเก็บอัฐิบรรจุธาตุไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง ปัจจุบันได้นำอัฐิไปไว้ที่วัดหลวง อำเภอเมืองอุบลราชธานี
เอกชัยโปธา ข่าวภูธร รายงาน