กาญจนบุรี รมต.“สนธิรัตน์” เยี่ยมชมโครงการพลังงานสร้างอาชีพแบบผสมผสาน
ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรและพลังงานทางเลือกกาญจนบุรี ลั่น คุณภาพชีวิตคนเมืองกาญจน์ต้องดีกว่าเดิม
เมื่อเวลา 16’00น.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงาน นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน เยี่ยมชมโครงการพลังงานสร้างอาชีพแบบผสมผสาน ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรและพลังงานทางเลือกกาญจนบุรี ที่ ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
โดยมี นายวาทิน ทองแก้ว พลังงานจังหวัดกาญจนบุรี นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป สมาชิกวุฒิสภา นายสมเกียรติ วอนเพียร ส.ส.จังหวัดกาญจนบุรี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน ส.ส.จังหวัดกาญจนบุรี นางทิวาพร ศรีวรกุล ผู้ก่อตั้งศูนย์กสิกรรมธรรมชาติท่ามะขาม และนายยุทธการ มากพันธ์ ผู้จัดการศูนย์กสิกรรมธรรมชาติท่ามะขาม ให้การต้อนรับ
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติท่ามะขาม เป็นศูนย์เรียนรู้ที่ใช้แนวคิดการเชื่อมโยงการใช้พลังงานแบบผสมผสานในกระบวนการผลิตต่างๆ ทั้งพลังงานจากแสงอาทิตย์ พลังงานชีวมวล พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล รวมทั้งพลังงานขยะ เพื่อมาบริหารจัดการในกิจกรรมต่างๆ ภายในศูนย์ฯ อาทิ การตัดแต่งผักปลอดสารพิษส่งโรงพยาบาล การใช้ตู้เย็นพลังงานร่วมแสงอาทิตย์ ร้านกาแฟพลังงานร่วมแสงอาทิตย์ โครงงานผลิตดินเผาใช้น้ำมันจากพลาสติก โครงงานผลิตน้ำแข็งจากพลังงานแสงอาทิตย์ โครงงานผลิตน้ำมันจากพลาสติก การแปลงเกษตรปลอดสารพิษโดยใช้น้ำจากพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนกับผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์ฯ นางทิวาพร ศรีวรกุล ซึ่งถือเป็นปราชญ์ชาวบ้านที่ได้ริเริ่มแนวคิดจัดการสร้างแหล่งเรียนรู้เพื่อปรับเปลี่ยนการทำเกษตรแบบเคมี มาเป็นเกษตรกรธรรมชาติ เน้นการวางแผนการใช้ชีวิตที่จะนำไปสู่การพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น โดยเริ่มแรกจัดตั้งเป็นศูนย์กสิกรรมธรรมชาติท่ามะขามเมื่อปี 2547 เน้นแนวคิดพึ่งพาตนเอง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มุ่งเน้นลดต้นทุนปัจจัยการผลิตโดยการทำปุ๋ยหมัก เลี้ยงสุกรหลุม การแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น แปรรูปน้ำฟักข้าว เป็นต้น
ต่อมาได้ปรับแนวทางพัฒนาเพิ่มเติม เพราะอาชีพเกษตรกรรมมีผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศที่ไม่แน่นอน จากโรคพืชที่มีความรุนแรงมากขึ้น และเมื่อได้ผลผลิตออกมาก็ไม่สามารถแข่งขันกับพืชผลที่ผลิตจากแปลงที่ใช้สารเคมี หรือการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านได้ จึงปรับนำข้อดีการเกษตรแบบผสมผสาน มาเป็นการทำอาชีพแบบผสมผสานภายใต้ชื่อ “ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีการเกษตร และพลังงานทางเลือก” พร้อมกันนี้ยังได้เห็นความสำคัญของพลังงานที่เป็นตัวแปรหลักของต้นทุนการผลิตในผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเล็งเห็นว่าหาก จะพึ่งพาพลังงานทดแทนเพียงด้านเดียว มีความยุ่งยากทางเทคนิค ด้านการจัดหาวัตถุดิบในการผลิต และผลผลิตที่ได้ก็แข่งขันด้านราคากับการผลิตพลังงานจากอุตสาหกรรมไม่ได้ แต่หากจัดหาพลังงานภายนอกด้านเดียวก็มีต้นทุนไม่คงที่ และแนวโน้มจะสูงขึ้น จึงมีแนวคิดการเชื่อมโยงพลังงานกับการดำเนินชีวิตเข้าด้วยกัน โดยมีการใช้พลังงานผสมผสานหลายรูปแบบเพื่อบริหารจัดการต้นทุนที่เหมาะสมเพื่อสร้างอาชีพสร้างรายได้ของชาวบ้านให้แข่งขันในตลาดได้ ดังตัวอย่าง ร้านกาแฟของศูนย์ฯ มีการใช้พลังงานไฟฟ้าร่วม แสงอาทิตย์กับน้ำมันที่ผลิตจากขยะพลาสติก เป็นต้น
“ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรและพลังงานทางเลือก เป็นหนึ่งในโมเดลความสำเร็จที่ประยุกต์ใช้พลังงานแบบผสมผสานเพื่อลดต้นทุนการผลิตของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ซึ่งกระทรวงพลังงานเล็งเห็นความสำคัญของศูนย์ฯ ที่มีโอกาสในการต่อยอดพัฒนาเป็นโรงไฟฟ้าชุมชนต้นแบบได้ เพราะมีประสบการณ์ในการใช้เชื้อเพลิงแบบผสมผสานหลายเชื้อเพลิงอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการผลิต ใช้ และจำหน่ายไฟฟ้าเพื่อใช้ประโยชน์ในการประกอบกิจการในพื้นที่ของตนเองอย่างยั่งยืน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าว
เกษร เสมจันทร์