กาญจนบุรี 30-9-62 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เปิดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
กาญจนบุรี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เปิดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี/ด้วยเมื่อประมาณกลางเดือน ก.ย.2562 เวลากลางวัน ได้มีนักการเมืองท้องถิ่น (ขอสงวนนาม) ร้องเรียน
ไปยัง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ว่ามีการลักลอบตัดไม้ไผ่ ไม้รวก บุกรุกพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและขุดแร่ เก็บแร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต ในเขต อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี จึงได้สั่งการให้ บก.ปทส. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่มีผู้ร้องซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการกระทำ
วันนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชยพลฉัตรชัยเดช รอง ผู้บัญชาการสอบสวน เจ้าหน้าที่ บก.ปทส.และกำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานเช่น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ จากสำนักจัดการป่าไม้ที่ 10 จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัค ศูนย์ป่าไม้จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ฝ่ายปกครองอำเภอไทรโยค เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก ตชด.ที่ 13 จาก ตม.จาก ภ.จว.กาญจนบุรี และตำรวจeod เข้าทำการตรวจค้น โดยใช้หมายค้นของศาลจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 3 จุด คือ จุดที่ 1 พื้นที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย หมู่ 4 ตำบลศรีมงคล อำเภอไทรโยค พื้นที่ประทานบัตรเหมืองแร่ของบริษัท ปฐมวัฒนพานิชน์การแร่ จำกัด หมู่ที่ 4 ตำบลศรีมงคล อำเภอไทรโยค ตามที่มีการร้องเรียนว่าในเขตประทานบัตรก็มีการลักลอบตัดไม้เช่นเดียวกัน จึงได้ทำการขยายผลเพื่อเข้าตรวจสอบในพื้นที่ประทานบัตรและการคำเนินการทำเหมืองของบริษัทฯ ตลอดจนการได้รับอนุญาตจากหน่วยงานต่างๆ ว่าถูกต้องหรือไม่ โดยได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดกาญจนบุรี เข้าทำการตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบ วัตถุระเบิด จำนวน 600 แท่ง และปุ๋ยยูเรีย 586 กระสอบ น้ำหนักกระสอบละ 25 รวมน้ำหนัก 14,650 กิโลกรัม ซึ่งมีไว้เพื่อระเบิดหิน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากชายแดนไทย – เมียนมา ประมาณ 1 กิโลเมตร
จากนั้นได้เดินทางไปที่เหมืองแร่ห้างหุ้นส่วนจำกัดเพชรมงคลเหมืองแร่ หมู่ที่ 4 ตำบลศีมงคล อำเภอไทรโยค มีการปิดกั้นทางสาธารณะที่ประชาชนสัญจร จากการสืบสวนตรวจสอบพื้นที่และสอบถามบุคคลที่ทราบเรื่องพื้นที่ดังกล่าวเป็นอย่างดี พบว่า เหมืองดังกล่าว ใช้ชื่อว่า หจก.เพชรมงคลเหมืองแร่ ตั้งอยู่เลขที่ 122 หมู่ 4 ตำบลศรีมงคล อำเภอไทร โยค จังหวัดกาญจนบุรี มีนางเปรมจิตร สุดชารี เป็นเจ้าของ ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย บริเวณพื้นที่เหมืองแร่ ด้านหน้าทางเข้า จะมีประตูเหล็กติดลวดหนาม ใส่กุญแจ ด้านในมองเห็นมีป้อมยาม จากการสอบถาม
นายชะลอ ประทีปนายก อบต.ศรีมงคล ที่ร่วมเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่บริเวณใกล้เคียง พบว่า ประตูที่ปิดล็อคทางเข้าเหมืองแร่เพชรมงคล เป็นพื้นที่ทางเดินสาธารณะที่ชาวบ้านเคยใช้ เดินทางไปมา ระหว่างบ้านบ้องตี้กับบ้านศรีมงคล และ
จากการสอบถามนายสมบุญ โชติช่วง อดีตผู้จัดการเหมืองแร่ (ออกจากเหมืองแร่เพชรมงคลมาประมาณ 2 ปี แล้วได้ความว่า เหมืองแร่ดังกล่าว ประทานบัตรหมดอายุไปประมาณ 10 ปีเศษ ปัจจุบันมี นางเปรมจิตสุดชารี ขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ แต่งแร่ และขอนุญาตครอบครองแร่ ในพื้นที่ประมาณ 49 ไร่ แต่ปรากฏว่านางเปรมจิตรฯได้ใช้แร่ที่เหลือจากการขุดสัมปทานตามที่ขออนุญาตหมดไปแล้ว ได้ใช้เครื่องมือขุดแร่ตามสำห้วย บริเวณพื้นที่ป่าสงวน บริเวณพื้นที่ทั่วๆ ไป จนเป็นหลุม เป็นบ่อ จำนวนมาก นำขึ้นมาเข้าโรงแต่งแร่ และขายไปเป็นจำนวนมาก เมื่อแร่ที่ขุดขึ้นมาหมด ก็จะขุดขึ้นมาใหม่ เป็นอย่างนี้ตลอด รวมทั้งตัดไม้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนจำนวนเป็นร้อยๆไร่ ซึ่งนายสมบุญฯในฐานะผู้จัดการ ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของนางเปรมจิตรฯ จึงได้ลาออกมาประมาณ 2 ปีเศษ นอกจากนี้นายสมบุญฯยังให้การอีกว่า นางเปรมจิตรฯ ได้สั่งให้คนงานขยายแนวเขต
พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตแต่งแร่ออกไปอีก โดยการปักแนวเขตพื้นที่ที่ขออนุญาตแต่งแร่ไหม่ รวมทั้งสร้างบ้านพักในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย อีกประมาณ 12 หลัง จากการตรวจสอบพื้นที่ด้านหลังเหมืองแร่ โดยการส่องกล้องทางไกล พบว่าบริเวณค้านในเหมือง มีบ้านพักคนงาน กองแร่ โรงแต่งแร่ หลักเขต บ้านพักแบบโฮมสเตย์ ตามภาพที่แนบมาด้วยแล้ว จะเห็นได้ว่า การกระทำของนางเปรมจิตรฯ ผู้ครอบครองพื้นที่ มีการขุดแร่ โดยไม่ได้รับประทานบัตร (ทำเหมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต) มีการบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด อันเป็นการกระทำผิดกฎหมายหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2560,พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507, พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484, ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497, พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
เกษร เสมจันทร์
