รัฐมนตรีรัฐอัสสัม สาธารณ อินเดีย เยี่ยมชมตลาดไท ทำMOUผลักดันปริมาณการค้าระหว่างกัน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 ก.ย. 2562 Mr.Sun Ronghang รัฐมนตรีรัฐอัสสัม สาธารณรัฐอินเดีย พร้อมคณะเดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี เพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือและการสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจังหวัดปทุมธานี ประเทศไทยกับรัฐอัสสัม สาธารณรัฐอินเดีย โดยมี ดร.พินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายชาธิป รุจนเสรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายสหวัฒน์ โสภา อุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี นางชไมพร ขวัญทอง พาณิชย์จังหวัดปทุมธานี นายสมเดช คงกระพันธ์ เกษตรจังหวัดปทุมธานี และหัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมเจ้าพระยาปทุมธานี ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี ดร.พินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีรัฐอัสสัม สาธารณรัฐอินเดีย เดินทางมาเชื่อมความสัมพันธ์ กับจังหวัดปทุมธานี เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางด้านการค้าในทุกมิติ รัฐอัสสัมกำลังเติบโตทางเศรษฐกิจมีเมือง “กูวาฮาติ” เป็นเมืองใหญ่สุดของรัฐ ที่นี่กำลังเจริญเติบโตอย่างเห็นได้ชัด มีสนามบินใหม่เอี่ยมใหญ่โตที่เพิ่งเปิดใช้งานที่นี่มีอุตสาหกรรมขนาดกลางและใหญ่ดำเนินการจำนวนมาก และมีอุตสาหกรรมหลายประเภท ทั้งปิโตรเคมี เหล็กและโลหะ ถ่านหิน ยานยนต์ พลาสติก การพิมพ์ ซีเมนต์ สิ่งทอ รัฐอัสสัมยังมีทรัพยากรอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เพราะไทยและอินเดีย เป็นเสมือนเพื่อนบ้านที่เชื่อมโยงกันด้วยมหาสมุทร รวมทั้งศักยภาพที่จะเชื่อมโยงทางทะเล และท่าเรือไทย-อินเดีย รวมทั้งเส้นทางการบินระหว่างกัน การมาเยือนของคณะรัฐมนตรีรัฐอัสสัม สาธารณรัฐอินเดีย ตอบโจทย์ นโยบาย(Pathum Thani Market 4.0)เนื่องจากจังหวัดปทุมธานี เป็นเมืองตลาดส่งออกสินค้าที่สำคัญของประเทศ
นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีรัฐอัสสัม สาธารณรัฐอินเดีย ยังได้เดินทางไปเยี่ยมชมการผลิต และการบรรจุหีบห่อผลิตภัณฑ์ในเครือบริษัท ควีน โฟรเซ่ ฟรุต จำกัด ผู้ผลิตผลไม้แปรรูปที่ใหญ่ของจังหวัดปทุมธานี ที่อำเภอหลองหลวง จากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมชม แปลงเมล่อนและแปลงผักสด ที่ได้รับมาตรฐาน GAP ที่ฟาร์มลุงแดง ก่อนจะเดินทางไปเยี่นมชมการบริหารจัดการเรื่องการตลาดที่ตลาดไท เพื่อศึกษาดูงาน ตลาดกลางส่งสินค้าเกษตรครบวงจร โดยผู้นำทั้งสองฝ่ายเห็นควรสนับสนุนให้กระชับความร่วมมือในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยที่จะขยายการค้าการลงทุนระหว่างกัน และเห็นพ้องที่จะผลักดันปริมาณการค้าระหว่างกันให้สูงขึ้นในอนาคต