กาญจนบุรี ผวจ.กาญจน์ สั่ง จนท.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ช่วยเหลือแรงงานกว่า 300 คน หลังเจ้าของบริษัทแปรรูปผักผลไม้ส่งออกรายใหญ่ค้างค่าจ้างนาน 3 เดือน รวมกว่า 100 ล้านบาท เบื้องต้น สำนักงานสวัสดิการและสังคม (สสค.)จ่ายชดเชยค่าแรงให้ 60 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ อัจฉริยะ บี้เอาผิดนายจ้างเรื่องค้ามนุษย์
ที่สถานีตำรวจภูธรท่ามะกา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรีกรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมสมาชิกชมรมฯ และทีมกฎหมาย ได้นำแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา กว่า 300 คน ของบริษัทผลิตและจำหน่ายพืชผักและผลไม้แปรรูปเพื่อการส่งออกรายใหญ่ชื่อดัง (บริษัท ไวต้าฟู้ด แฟคทอรี่ (1989) จำกัด) เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ท่ามะกา ภายหลังจากบริษัทดังกล่าวไม่จ่ายค่าแรงให้กับคนงานเหล่านั้นมา 3 เดือน มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
ล่าสุดเมื่อช่วง 13.30 น. ที่ผ่านมา นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้สั่งการให้ นายสมเจตน์ จงศุภวิศาลกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ลงพื้นที่เพื่อประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าว โดยมี พ.ต.อ.ชวลิต สุขสุวรรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ กันตะยศ ผกก.สภ.ท่ามะกา พ.ต.อ.สำราญ กลั่นมา ผกก.ตม.บก.ตม.3 กาญจนบุรี พ.อ.บุญยิ่ง คงเกตุ หน.ฝ่ายข่าว กอ.รมน.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่แรงงานจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงแรงงานทั้งหมด รวมทั้ง นายกิตตินันท์ อรรถบท นายอำเภอท่ามะกา นายสมศักดิ์ ล้ออุดม ปลัดอำเภอฝ่ายศูนย์ดำรงธรรมฯ พร้อมด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และทีมกฎหมาย เข้าร่วมประชุมหารือร่วมกันที่ศูนย์ปฏิบัติการสถานีตำรวจภูธรท่ามะกา โดยไม่มีตัวแทนเจ้าของบริษัทเดินทางมาพบและร่วมประชุมขณะที่เจ้าหน้าที่ก็ไม่อนุญาตให้ตัวแทนแรงงานและสื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์และรับฟังแต่อย่างใด โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงแล้วเสร็จ
โดยในที่ประชุมสรุปว่า ให้ดำเนินการตรวจสอบแรงงานทั้งหมดที่ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้าง ทั้งแรงงานคนไทยและเมียนมาที่มีบัตรและไม่มีบัตร เพื่อคัดกรองแรงงาน โดยเบื้องต้นทางกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจะเร่งดำเนินการจ่ายเงินชดเชยค่าแรงตามกฎหมายกำหนดให้ 60 เปอร์เซ็นต์จากเงินค่าแรงที่นายจ้างค้างจ่าย ขณะที่ นายสมเจตน์ จงศุภวิศาลกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ระบุว่าปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมานาน ดังนั้นจึงได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเฉียบขาด พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ ใครผิดกก็ว่าไปตามผิด และหากตรวจสอบพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือบกพร่องหละหลวมในเรื่องของแรงงานต่างด้าว ก็จะต้องถูกดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา ไม่ละเว้น ก่อนออกจากห้องประชุม โดยไม่ขอให้ความเห็นใดๆ
ด้าน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า วันนี้เรามุ่งเน้นแก้ไขปัญหาในเรื่องของค่าแรงที่นายจ้างไม่จ่ายให้กับลูกจ้าง ขณะเดียวกันก็จะต้องการดำเนินคดีกับนายจ้างในเรื่องของการค้ามนุษย์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2562 เนื่องจากจากการตรวจสอบแรงงานทั้งคนไทยและเมียนมาเบื้องต้นพบว่า นายจ้างระบุว่าหากไม่ยอมทำงานต่อ ก็จะไม่ยอมจ่ายค่าจ้างที่เหลือ ซึ่งเข้าหลักเกณฑ์แรงงานบังคับ พร้อมกันนี้จะต้องมีการตรวจสอบเรื่องของการสวมสิทธิ์แรงงานต่างด้าวด้วย หากพบก็จะต้องดำเนินคดี อย่างไรก็ตามตนขอย้ำว่าแรงงานที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจะต้องได้รับค่าจ้างที่ค้างจ่ายทั้งหมด แต่หากนายจ้างยังไม่ยอมจ่าย ตนจะลงพื้นที่มาดูแลแรงงานอีกครั้งเพื่อเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายกับนายจ้างรายดังกล่าวต่อไป.
เกษร เสมจันทร์