คอลัมน์จุดไฟในใจคน..แม่โดนลูกด่า อีเหี้ย อีดอก..โดย.พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน)
ลูกนรกติดยา! ‘ด่าแม่ อีเหี้ย อีกดอก’
เสียงสะท้อน! ‘งานบวช วัดไผ่ล้อม’
‘ย้อนคิด ท้อใจ’ กรรม ฤาเวรอันใด!
เจริญพรญาติโยมทุกท่าน จุดไฟในใจคนฉบับนี้ อาตมามีโอกาสได้สนทนาธรรมกับโยมสีกาท่านหนึ่ง ซึ่งได้มาเยือนวัดไผ่ล้อม
เมื่อคราจัดให้มีพิธีอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ โดยโยมมีจิตศรัทธาปรารถนามาร่วมบุญใหญ่
พลันได้เห็นภิกษุบวชใหม่ 54 รูป โยมถึงกับน้ำตาซึม นึกถึงลูกชายของตนเอง ที่ไม่มีโอกาสได้มาร่วมบวชในครานี้
โยมบอกกับอาตมาว่าเสียใจ ที่มีลูกไม่ดี
และที่สำคัญวันดีคืนดี ลูกมีอาการหลอนยา ด่าแม่ด้วยวาจาหยาบคาย เยี่ยงนี้สม่ำเสมอ
โยมใช้บอกว่าลูกด่าแม่ อีเหี้ย อีสัตว์ อีดอก นับเป็นคำที่รุนแรง และไม่คิดว่าลูกจะกล้าด่าแม่ผู้ให้กำเนิดได้ถึงขนาดนี้
ฤาด้วยฤทธิ์ยาเสพติด หรือด้วยกมลสันดานของลูกที่มี
โยมถามอาตมา ทำไมเค้าถึงก้าวร้าว เกรี้ยวกราด ปราศจากจิตสำนึก เป็นเพราะอะไร โยมสับสนวุ่นวายภายในใจ ใคร่อยากรู้จริงๆ
เบื้องต้น อาตมารับฟังด้วยจิตเมตตา สงสาร เห็นใจ อยากให้ผ่อนคลาย
ถึงกระนั้น พลันที่โยมมาวัด ถือว่าเข้าสู่ร่มธรรมอย่างถ่องแท้ ปลอดภัย สบายกาย สบายใจ เห็นได้ชัด
โยมมาปลดปล่อยความเศร้า ความรันทดเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานทั้งหมด นำมาทิ้งไว้ที่วัด
พระคือกระโถนอย่างดี ที่ผ่านการเจียรนัย คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ภายใต้เหตุผล ใช้สติปัญญา เป็นเครื่องนำพาไปสู่แสงสว่างแห่งธรรม
ทุกข์ของโยมอาตมายินดีรับไว้ ขอให้โยมแผ่เมตตา ปล่อยวาง สร้างกุศล บวชพระทั้ง 54 รูป เพื่อเป็นพุทธบูชา
แม้มิใช่ลูกหลาน แต่พระทุกรูป ล้วนสะอาดบริสุทธิ์ ตั้งใจมาสร้างความดี ถือศีลปฏิบัติธรรม ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆก็ตาม
เนื่องเพราะการทำความดี เกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา
ฉะนั้นเมื่อลูกยังเลว โยมต้องถอยออกมา ต้องหลักใหม่
คนเราจะดีจะชั่ว อยู่ที่ตัวทำ จะสูงจะต่ำ อยู่ที่ทำตัว
กรณีลูกโยมติดยาเสพติด จนเกินเยียวยา ว่ากล่าวตักเตือนไม่ฟัง แถมยังด่าพ่อแม่ถือว่าเค้า ดวงตาไม่เห็นธรรม ยังเป็นบัวที่ติดอยู่ในโคลนตม
ญาติโยมทั้งหลาย พ่อแม่ล้วนทุกข์ใจกับลูก ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเรื่องของกรรม
กรรมใดใครทำย่อมรับผลนั้นไม่ช้าก็เร็ว
คนส่วนใหญ่ปรารถนา อยากมีลูก เพราะเชื่อว่า ลูกจักนำความสุขที่ยิ่งใหญ่มาให้
แม้โยมจะยอมรับกว่าจะเลี้ยงลูกให้เติบโตขึ้นมา เหน็ดเหนื่อยสาหัส หากได้ลูกที่ดีมาเกิด ถือเป็นสุดยอดปรารถนา ที่ความเหนื่อยของพ่อแม่หายเป็นปลิดทิ้ง
ถือว่าเป็นโชคดีของพ่อแม่ หากลูกเกิดมาเลี้ยงง่าย พูดคุยบอกกล่าวรู้เรื่อง
ตรงกันข้าม ลูกที่เกิดมาแล้วดื้อ ก้าวร้าว ร้ายกาจกับพ่อแม่ ทำให้พ่อแม่ต้องคอย ทุกข์ใจ เหมือนกลายเป็นวิบากกรรม
ยิ่งถ้ามาเจอลูกที่คอยเถียง ว่าร้ายพ่อแม่ ไม่เชื่อฟัง หรือจะเป็นกงกรรมกงเกวียน สิ่งที่โยมเคยทำตอนเด็ก กับพ่อแม่ กลับมาเจอลูกร้ายทำให้ทุกข์ใจ น้ำตาตกใน ทุกข์กับพฤติกรรม ที่เอาไม่อยู่ ของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าลูกตัวเอง
สำหรับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด การเกิดมาเป็นพ่อแม่ลูกกันนั้น ล้วนเกิดมาผูกพันด้วยกฎแห่งกรรม
เหตุที่แท้จริงแล้ว มีปัจจัยหลากหลายที่ทำให้ต้องทุกข์ใจกับลูกมากมาย เฉกเช่น การเลี้ยงดูของครอบครัว อิทธิพลของพ่อแม่ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมลูก
สภาพสังคมสิ่งแวดล้อม รวมถึงอุปนิสัยของตัวลูกเอง ที่สะสมมานานนับชาติไม่ถ้วน ที่พร้อมจะแสดงออกได้เมื่อมีปัจจัยกระตุ้น
พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกแบบเป็นเทวดา ตามใจจนเคยตัว ให้จนเคยใจ
ทำให้ไม่รู้จักกับความลำบาก จนทำอะไรไม่เป็น ได้แต่เรียกร้องเอาจากพ่อแม่หรือให้พ่อแม่คอยทำให้ตลอดเวลา
ไม่รู้จักหน้าที่ ไม่รับผิดชอบอะไร
ไม่มีระเบียบวินัย ประเด็นนี้จึงเป็นชนวนนำไปสู่ความไม่รู้จักหน้าที่ของตนในสังคมรอบตัว
อีกประการหนึ่ง พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกแบบเจ้าระเบียบเข้มงวดเกินไป จนลูกกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ กดดัน ต้องคอยฟังคำสั่ง ไม่สามารถแสดงความคิดเห็น ทำให้ลูกมีชีวิตที่ตกอยู่คล้ายทาส ที่มีเจ้าชีวิตคอยบงการ ซึ่งต้องเป็นไปตามที่พ่อแม่คาดหวังหรือวางแผนให้เดินตามไป
ด้วยมองเห็นแค่ความหวังของตัวเอง หรือความหวังดี ที่เข้าใจผิดว่าลูกจะเติบโตได้ดีในอนาคตหากเชื่อตามพ่อแม่ ทำให้ลูกขาดอิสระทั้งความคิดและการใช้ชีวิต
ประพฤติตนในทางไม่ดี ต่อต้านพ่อแม่ เสียคน เสียสติ และติดยา ในที่สุด
แม้กรรมเก่านั้นโยมจะแก้ไขไม่ได้ แต่ปัจจุบันยังมีแนวทางที่สามารถแก้ไขได้เมื่อพบว่าการเลี้ยงดูลูกไม่ได้เป็นตามที่กล่าวมา
ต้องมาพิจารณาว่าถ้าพ่อแม่เลี้ยงดูลูกดีเหมาะสมแล้ว เหตุใดลูกถึงยังสร้างความกังวลทุกข์ใจให้อีก
อาจจะต้องมองว่า ที่ลูกโมโหเกรี้ยวกราดนั้น มาจากอะไร
คนที่เกรี้ยวกราดส่วนใหญ่ เพราะถูกขัดใจ เหตุที่โยมขัดใจลูกเพราะอะไร สมเหตุสมผลหรือไม่ ถ้าเป็นไปตามแบบที่ไม่เข้าข้างตัวเองว่าเราขัดใจลูกโดยสมควรแก่เหตุ แต่ลูกไม่ยอมรับเหตุผล ก็ให้ทราบว่าอาจจะเกิดจากนิสัยที่ลูกอาจได้มาจากการคบเพื่อนไม่ดี
การแก้ไขคือ พยายามดึงลูกออกมาจากเพื่อนพาล ก่อนที่จะแก้ไขหรือปรับตัวไปยากกว่านี้
ทั้งนี้หนทางทุกอย่างอาจต้องใช้เวลาและค่อยๆ ปรับแก้ไขให้เหมาะสมกับตัวเด็กด้วย เพราะไม่มีใครหรืออะไรอยู่ภายใต้อำนาจบังคับของใครได้อย่างแท้จริง
อย่าด่าทอหรือทำร้ายลูกด้วยวิธีรุนแรง เปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงความคิด คุยกับลูกด้วยเหตุผล แสดงความเห็นอกเห็นใจและให้อภัย
รวมถึงอาศัยการให้อภัย ด้วยการไม่ผูกกรรมด้านดำเพิ่ม แต่ให้ผูกกรรมด้านขาวซึ่งเป็นกรรมดีไว้ หมั่นไหว้พระสวดมนต์ เจริญเมตตากรุณาให้ลูกเนืองๆ
ตั้งใจสมาทานประพฤติศีลอย่างมั่นคง
การเพียรเจริญกุศลทุกชนิดอย่างต่อเนื่อง ย่อมได้อานิสงส์แห่งบุญที่มีกำลังปัดเป่าเรื่องร้ายให้คลายลงได้
ไม่ว่าลูกที่เกิดมานั้นจะเป็นอย่างไร คนเป็นพ่อแม่ทุกคนก็พร้อมที่จะยอมรับเลี้ยงดู
สร้างให้ลูกดี ทำให้ลูกนั้นมีความสุข
หากพ่อแม่พยายามเป็นแบบอย่างให้ดีแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็จะซึมซับสิ่งที่ดีจากพ่อแม่อย่างแน่นอน
ขอเจริญพร
…………………………………….