อธิบดี สถ. เปิดอบรมผู้จัดการสถานธนานุบาลของ อปท. พร้อมฝาก 3 ข้อคิด ซื่อสัตย์สุจริต วินัย และการปฏิบัติตามระเบียบ
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2562 เวลา 09.30 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในฐานะประธานกรรมการจัดการสถานธนานุบาลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมผู้จัดการสถานธนานุบาล ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2562 พร้อมมอบรางวัลสถานธนานุบาลดีเด่น ประจำปี 2561 มอบเข็มเกียรติคุณ และมอบใบประกาศเกียรติคุณสำหรับผู้ที่จะพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุสูงอายุในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 โดยมี นายประวิทย์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้จัดการใหญ่สถานธนานุบาลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นายโรมรัญ ทองอินทร์ หัวหน้าสำนักงานจัดการสถานธนานุบาลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นายธนกฤต รัตนพันธ์ ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานจัดการสถานธนานุบาลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นางชบาไพร ชุนถนอม ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานจัดการสถานธนานุบาลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นายสรนนท์ วิโรจน์มนตรี นายกเทศมนตรีเมืองกันตัง นายสาโรช คงนคร รองนายกเทศมนตรีนครตรัง นายวัลลภ ช่วยบำรุง ปลัดเทศบาลนครตรัง นางทิฆัมพร ตันวัฒนะ ปลัดเทศบาลนครเชียงใหม่ นายสุธน ซื่อประเสริฐ ปลัดเทศบาลนครระยอง และผู้จัดการสถานธนานุบาลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กว่า 250 คน เข้าร่วมโครงการ ณ ห้องกรุงธนบอลล์รูม ชั้น 3 โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพมหานคร
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ต้องขอแสดงความยินดีกับท่านที่ได้รับรางวัลสถานธนานุบาลดีเด่นประจำปี 2561 ทั้ง 9 แห่ง และผู้ได้รับเข็มเกียรติคุณ จำนวน 32 ราย รวมทั้ง พนักงานสถานธนานุบาลที่จะพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุสูงอายุ จำนวน 13 ราย และขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ทุ่มเทเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่บริการพี่น้องประชาชนมาเป็นระยะเวลายาวนาน รางวัลสถานธนานุบาลดีเด่น และเข็มเกียรติคุณที่ได้รับนี้ ย่อมเป็นสิ่งยืนยันถึงความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะอุตสาหะ ขอให้ยึดมั่นในความดี ตั้งใจปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต สร้างความเชื่อถือศรัทธาและได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเช่นนี้ต่อไป
สำหรับปีนี้ ก็นับเป็นปีที่ 59 ของการสถาปนาจัดตั้งสถานธนานุบาลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว นับจากมีการจัดตั้งสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองเชียงใหม่เป็นแห่งแรกเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 เป็นเวลาครึ่งศตวรรษแล้ว ที่องค์กรของเราอยู่เคียงคู่พี่น้องประชาชน เพื่อช่วยเหลือด้านการเงินมาโดยตลอด ซึ่งในปัจจุบัน สถานธนานุบาลของเรา มีจำนวน 247 แห่งทั่วประเทศ มีเงินทุนหมุนเวียนปีละหลายหมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี นับได้ว่าองค์กรของเรามีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยตรง โดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับฐานราก
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า การบริหารงานในยุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นองค์กรของราชการ หรือธุรกิจ เอกชน มีความจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และมีคุณภาพการบริการที่เหนือกว่าคู่แข่ง สถานธนานุบาลของเราก็เช่นเดียวกันที่จำเป็นจะต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยปัจจุบันก็ได้พยายามเร่งรัดปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบที่ล้าสมัย พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการพัฒนาบุคลากรในทุกตำแหน่งสายงาน โดยพนักงานสถานธนานุบาลทุกคน จะต้องได้เข้ารับการฝึกอบรมอย่างเป็นระบบ และโอกาสนี้ผมขอฝากข้อคิดเกี่ยวกับการปฏิบัติงานไว้ ดังนี้
ในตอนท้าย นายสุทธิพงษ์ ได้ฝากข้อคิดเกี่ยวกับการปฏิบัติงานให้กับผู้จัดการสถานธนานุบาล และพนักงานสถานธนานุบาลด้วยว่า เรื่องของความซื่อสัตย์สุจริตนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกท่านต้องถือเป็นหัวใจในการปฏิบัติงาน เนื่องจากเราเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับทรัพย์สินมีค่า ขอให้ท่านปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ โปร่งใส ตรงไปตรงมา อย่าเบียดบังผลประโยชน์อันก่อให้เกิดความเสื่อมเสียความศรัทธาต่อประชาชน ขอให้ทุกท่านช่วยกันสอดส่องดูแล ส่วนเรื่องวินัยและการรักษาวินัย ในเรื่องนี้ ท่านผู้จัดการบางท่านอาจจะมองข้ามไป ไม่เห็นความสำคัญเท่าที่ควร แต่ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกท่าน จึงขอให้อย่าละเลย เพราะผลของการไม่ปฏิบัติหรือฝ่าฝืนอาจจะต้องถูกลงโทษ หรือดำเนินการทางวินัย ตลอดจนอาจมีความผิดฐานอื่นตามมาได้ และเรื่องของการปฏิบัติตามระเบียบฯ และหนังสือสั่งการทุกเรื่อง ที่สำนักงานคณะกรรมการจัดการสถานธนานุบาลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้สั่งการ หรือวางแนวทางปฏิบัติให้ถือปฏิบัติ ก็ขอให้ศึกษาทำความเข้าใจ และขอฝากให้ช่วยเน้นย้ำให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพราะหากไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติ ไม่ครบถ้วน อาจจะมีความผิด ทางละเมิดและต้องชดใช้ค่าเสียหายตามมาด้วยนั่นเอง