กาญจนบุรีผบ.พล.ร.9 สั่งเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา บุคคลและยานพาหนะ ทุกชนิดที่เดินทางผ่านด่านความมั่นคง ตลอดเส้นทางจากด่านเจดีย์สามองค์ มุ่งหน้าเข้าจังหวัดกาญจนบุรี หลังผู้ค้ายาเสพติด เปลี่ยนเส้นลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ มาใช้เส้นทางด่านเจดีย์สามองค์ หลังถูก จนท.ปราบปรามหนัก
พล.ตรี ฐกัด หลอดศิริ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ ทหาร หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร สังขละบุรี เจ้าหน้าที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสังขละบุรี กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 134 และ อ.ส. สังขละบุรี ประจำด่านความมั่นคงทุกด่านในพื้นที่ อำเภอสังขละบุรี อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอไทรโยค เข้มงวดการตรวจตรารถยนต์ที่ผ่านเข้าออก เพื่อสะกัดกั้นขบวนค้ายาเสพติด
โดยเฉพาะด่านความมั่นบ้านน้ำเกิ๊ก หมู่ที่ 9 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนด่านเจดีย์สามองค์ ประมาณ7 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้เข้มงวดและทำการตรวจยานพาหนะทุกชนิด ที่เดินทางเข้ามาจากด่านเจดีย์สามองค์ ทั้งรถยนต์โดยสาร รถนักท่องเที่ยว รถยนต์ของชาวบ้าน รวมทั้งรถจักรยานยนต์ โดยมุ่งเป้าไปที่รถยนต์กระบะ ภายหลังจากที่มีการจับกุมขบวนค้ายาเสพติดที่ใช้รถยนต์กระบะดัดแปลงซุกซ่อนยาไอซ์และยาบ้า ไว้ในรถยนต์กระบะที่ผ่านมามีการตรวจพบว่ามีการซุกซ่อนยาเสพติดไว้ในเครื่องยนต์ ประตูรถยนต์ ยางอะไหล่ ถังน้ำมัน และในกระบะที่มีการดัดแปลง
โดยเจ้าหน้าที่นายหนึ่งได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สิ่งแรกที่ต้องสังเกตคือพฤติกรรมคนขับ ที่ช่วงหลังพบว่าจะมาเพียงลำพัง เมื่อพบรถต้องสงสัยแล้วจึงทำการตรวจสอบทุกจุดในรถ ทั้งตรวจค้นด้วยการเคาะที่กระบะบรรทุก โดยการฟังเสียง การตรวจสอบภายในรถอย่างละเอียดโดยใช้สุนัขดมกลิ่น ตรวจสอบบริเวณด้านหน้าโดยการเปิดฝากระโปรง สังเกตุน๊อตที่มีร่องรองการถอด ดูจุดที่มีการดัดแปลง ก่อนจะใช้เครื่องมือตรวจหาบริเวณใต้ท้องรถ ตรวจดูยางอะไหล่ รวมทั้งใช้กล้องที่มีการดัดแปลงตรวจหายาเสพติดในถังน้ำมัน
จากการข่าวของฝ่ายความมั่นคงพบว่าภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ ปปส.และฝ่ายความมั่นคง ทำการกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติดที่ใช้เส้นทางในภาคเหนือ ลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าไทย ทำให้ขบวนการค้ายาเสพติด เปลี่ยนเส้นทางการลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือมายังภาคตะวันตก โดยใช้เส้นทางด่านเจดีย์สามองค์-สังขละบุรี เพื่อลำเลียงยาเสพติดไปพักไว้ในพื้นที่ชั้นในก่อนกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆในประเทศ รวมทั้งลำเลียงส่งออกไปยังต่างประเทศต่อไป
โดยพบว่าในห้วง10 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง สามารถจับกุมยาเสพติดได้จำนวน โดยแยกเป็นยาไอซ์กว่า 400 กิโลกรัมและยาบ้า กว่า 2 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 500 ล้าน บาท ซึ่งหากสามารถลำเลียงออกนอกประเทศได้มูลค่าของยาเสพติดจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
เกษร เสมจันทร์