เรือนจำจังหวัดตรัง จัดพิธีปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่เรือนจำจังหวัดตรัง นายไพบูลย์ โอมาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานในพิธีปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 202 คน โดยมีนายภักดี แก้วเนียม ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดตรัง กล่าวรายงาน ในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ที่มีความประพฤติดี ให้ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษและปล่อยตัวไป เพื่อเปิดโอกาสให้ได้กลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป และเพื่อเป็นการรองรับการปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้ เรือนจำจังหวัดตรังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่าง ๆ เช่น วิทยาลัยการอาชีพตรัง วิทยาลัยเทคนิคตรัง สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานตรัง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตรัง แรงงานจังหวัดตรัง คณะสงฆ์จากวัดป่ารัตภูมิ อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา เป็นต้น ทั้งนี้ก่อนได้รับการปล่อยตัว ได้มีการเชิญผู้นำศาสนาอิสลามและนิมนต์พระสงฆ์ มาให้ข้อคิดหลังจากพ้นโทษออกแล้ว อีกทั้งผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวจะบรรพชา ถวายเป็นพระราชกุศล จำนวน 15 คน
ทั้งนี้ นายไพบูลย์ โอมาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์และครอบครัวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอภัยโทษให้ ในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษกปีพุทธศักราช 2562 นี้ เนื้อความในพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษตอนหนึ่งที่อยากจะย้ำเตือนใจผู้ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้ก็คือ “เพื่อเปิดโอกาสให้ได้กลับตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองสืบไป”และผมขอแสดงความยินดีและขอให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ทุกคน พึงระลึกไว้เสมอว่า พระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ เสมือนการให้โอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ ขอให้มุ่งมั่นตั้งใจประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในคุณงามความดีมีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตั้งปณิธานเป็นคนดีของสังคมประเทศชาติ นำวิชาความรู้ในด้านต่าง ๆ ที่ได้รับการฝึกฝนอบรม ศึกษาเรียนรู้ระหว่างต้องโทษไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพการงานที่สุจริตเลี้ยงตนเอง ครอบครัว ตั้งตนด้วยสัมมาอาชีพให้ได้ โดยเฉพาะปรัชญาด้านเศรษฐกิจพอเพียงคือ การรู้จักพอประมาณ มีเหตุผล หมั่นศึกษาหาความรู้ เพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม รู้รักสามัคคี ซื่อสัตย์สุจริต ขยันอดทน ก็จะส่งผลให้ทุกท่านมีชีวิตส่วนตนและครอบครัวที่มีความผาสุกอย่างยั่งยืนตลอดไป
มนต์เจริญ ศรีมงคล จ.ตรัง