กาญจนบุรี ผู้ตรวจราชการกรมการปกครองพร้อมคณะลงพื้นเพื่อทำการสอบสวนข้อเท็จจริง ประชาชนที่ถูกเรียกเก็บเงินค่าต่อบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ได้เดินทางเข้าไปร้องเรียนกับทางกระทรวง
ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบ้องตี้ หมู่ที่ 1 ตำบลบ้องตี้ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี นายวิรัตน์ ไชยสิทธิ์ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง เขต 3 – 4 กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 พร้อมคณะลงพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้องตี้ เพื่อทำการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่นายประเทือง ทองเปราะ อดีตกำนันตำบลบ้องตี้ พร้อมด้วยประชาชนที่ถูกเรียกเก็บเงินค่าต่อบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ได้เดินทางเข้าไปร้องเรียนกับทางกระทรวงฯ ก่อนหน้านี้ โดยร้องเรียนว่าผู้นำท้องถิ่น ( นางรำพึง ทองเปราะ) ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลบ้องตี้ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ได้เรียกเก็บเงินกับประชาชนดังกล่าว เพื่อขอมีบัตรตามสิทธิ์ของแต่ละคนที่ได้สิทธิ์นี้ โดยทางคณะกรรมการได้ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริงนี้ จุดแรกคือที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบ้องตี้ โดยมีประชาชนที่ถูกเรียกเก็บเงินดังกล่าวได้ไปรอเพื่อให้คณะกรรมการสอบสวน โดยทางเจ้าหน้าที่ได้เรียกเข้าทำการสอบข้อเท็จจริง ทางคณะตรวจสอบข้อเท็จจริง แจ้งว่าได้ตั้งทีมสอบเรื่องนี้โดยคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 4 วัน คือ 2 วัน แรกสอบชาวบ้านทั้งหมด ส่วนอีก 2 วัน จะลงไปสอบเจ้าหน้าที่กรรมการที่ตรวจสอบของอำเภอไทรโยค ที่ได้สอบเรื่องนี้ไปแล้วต่อไป คาดว่าการสอบเรื่องนี้ใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน จะรู้ผล นายประเทือง ทองเปราะ อดีตกำนัน กล่าวว่าต้องการความยุติธรรม โดยก่อนหน้านี้ได้ให้ทางนายก อบต. และกำนันไปเตือน ผู้ใหญ่บ้านรายนี้แล้วว่าขอให้เบาๆ หน่อยในเรื่องการเรียกเก็บเงิน จากนั้นได้ไปพบนายอำเภอไทรโยค แล้วทางนายอำเภอบอกให้ไปหาพยานหลักฐานมาแสดง เมื่อได้พยานหลักฐานแล้วได้ไปยื่นแก่ทางอำเภอไปแล้ว ต้นเหตุนี้เกิดเมื่อเดือนตุลาคม เนื่องจากทางหน่วยงานรัฐได้เปิดให้บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ไปขึ้นทะเบียน และได้มีการถูกเรียกเก็บเงินโดยแต่ละรายจะไม่เท่ากัน เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ตนเอง เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้องจึงได้เข้าไปดำเนินการเรื่องนี้ให้เกิดความเป็นธรรม เพราะพวกนี้ก็เหมือนลูกหลานตนเองด้วย ชาวบ้านที่เดือดร้อน 3 ราย
กล่าวว่าโดยเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาเกือบ 50 ปี ที่ถูกเรียกเก็บเงินเช่นกัน โดยบางรายบอกว่าในส่วนตัวเองไม่สนใจเพราอายุมาก แต่ลูกทั้งหมด 6 คน จะเดือดร้อนมากกว่า ดังนั้นหากตนเองไม่ทำอะไรลูกๆ จะมีปัญหาภายหลังได้เพราะลูกๆ เกิดในประเทศไทยทุกคน เพราะจะขาดสิทธิ์ทางการรักษาพยาบาลอีกด้วย รวมถึงอื่นๆ และการเรียกเก็บเงินนี้ไปทำอะไรนั้นตนเองไม่ทราบ โดยแต่ละคนเสียเงินเกือบหมื่นบาท และยังมีคนอื่นๆ ที่โดนเหมือนกัน ซึ่งในพื้นที่อำเภอไทรโยค นี้จะมีทั้งชาวกะเหรี่ยง เมียนมา กัมพูชา ลาว เข้าไปอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละคนจะถูกเรียกเก็บเงินเช่นนี้ และที่ยังไม่ออกมาพูดเรื่องนี้ก็มีมากเช่นกัน ด้านนางรำพึง ทองเปราะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลบ้องตี้ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ผู้ถูกร้องเรียน ได้ชี้แจงว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่บ้านมาได้ประมาณปีเศษ มาโดนเรื่องนี้ คาดว่าน่าจะเกิดจากเรื่องการเมือง เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดปัญหานี้มาก่อน ชาวบ้านรักใครมีความสามัคคีกันดี แต่มาก่อนจะมีการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา ก็มาเกิดปัญหานี้ขึ้น ผู้ใหญ่ขอฝากไปยังประชาชนชาวชาติพันธุ์ ทุกคนผู้ใหญ่ไม่ได้ติดใจอะไร แต่ต้องการให้พวกเราอยู่ด้วยกันไม่เคยคิดแบ่งแยก ขอให้กลับมารักสามัคคีเหมือนเดิมต่อไป ส่วนการสอบสวนตนเองนั้น ยังไม่ทราบผลออกมาอย่างใด เพิ่งมาทราบวันนี้ว่ามีคณะกรรมการจากส่วนกลางลงพื้นที่มาสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ตนเองก็ไม่ว่าอะไรขอให้สอบไป การเคลื่อนไหวของประชาชนกลุ่มดังกล่าว ตนเองไม่สนใจเพราะเป็นสิทธิ์ของเขาจะกระทำได้ ส่วนตนเองก็พร้อมจะชี้แจงเรื่องนี้
นายเดโช ประกาศแก่นทราย นายอำเภอไทรโยค ได้ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ปัญหาเกิดมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตนเองได้ตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องนี้ พร้อมรายงานให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ทราบทุกขั้นตอน แต่การสอบสวนไปได้เพียง 11 ราย ที่เหลือได้ทำหนังสือไปถึง นายประเทือง ทองเปราะ อดีต กำนัน ขอให้ส่งชาวบ้านมาให้ข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว แต่แล้วก็หายไป และตนเองได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ลงไปสอบเพราะทราบว่าบุคคลใดที่ถูกกระทบแต่ก็ไม่พบเพราะมีการอ้างไปต่างๆนาๆ และแล้วก็ได้พากันเข้าไปร้องในส่วนกลางทั้งหน่วยงานปกครอง และสื่อมวลชนต่างๆ ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ตนเองก็ได้ทำหนังสือชี้แจงไปทั้งหมดแล้วเช่นกัน ส่วนกรณีที่มีหน่วยงานกลางลงพื้นที่นั้นตนเองก็เพิ่งทราบ แต่ก็ต้องให้เขาทำหน้าที่ไป คาดว่าเสร็จจากทางสอบชาวบ้านคณะเขาก็น่าจะลงมาสอบเจ้าหน้าที่ของทางอำเภอทุกหน่วยเกี่ยวข้องต่อไป
เกสร เสมจันทร์