นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ชี้คนตื่นธรรม จาบจ้วงหนัก ตั้งปมสงสัย เงินบริจาค ชี้เป้า ทนายกองทัพธรรม ควรเดินหน้าตรวจสอบ
กระแสโถมใส่ อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรม ไม่หยุด ล่าสุด “ทนายพจน์” นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย จี้หลายองค์กร เร่งตรวจสอบสถานะการเงิน หลังมีการเปิดรับบริจาค แต่ปูด เอกสารคนสอนธรรมะเป็นบุคคลล้มละลาย บอกเรื่องนี้ทนายอนันตชัย และกองทัพธรรม สำนักงานพระพุทธศาสนา ต้องเร่งตรวจสอบและชี้แจงหากผิดกฎหมาย เข้าข่ายอาญาแน่นอน
วันที่ 4 มกราคม 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีกระแสความไม่พอใจของพุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะลูกศิษย์ลูกหา ของพระเกจิเถราจาร ไม่เน่าเปื่อย ซึ่งปรากฏใน เพจ คนตื่นธรรม ได้นำไปเปรียบเทียบกับหมา ทำให้ประเด็นดังกล่าวหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม และญาติโยมหลายราย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงความไม่เหมาะสมและเป็นการจาบจ้วงครูบาอาจารย์ซ้ำยังเป็นการย้อนรอยจารีตประเพณีที่คนรุ่นก่อนได้มีความเคารพนับถือ ก่อนมีประเด็นเอกสารข้อมูลคำสั่งล้มละลาย ของคนสอนธรรม ซึ่งคาดว่าจะเป็นอาจารย์เบียร์หรือไม่ แพร่สะพัดออกอยู่ในสังคมและมีการตั้งคำถามว่า มีการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ และทวงถามว่าเงินที่รับบริจาคนั้นจะชอบธรรม หรือไม่
โดยในประเด็นดังกล่าว นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร “ทนายพจน์” นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ได้ออกมาให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ได้ศึกษาและจับตาพฤติกรรม ของนายเบียร์ มานานแล้วและมีหลายสิ่งหลายอย่างที่มีข้อสงสัยในการสอนหลักธรรม ให้กับญาติโยม ทั้งนี้ยังมีคนส่งข้อมูลการติดหนี้สินถึงขั้น มีคำสั่งเป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด จากทีมงานนักกฎหมาย โดยเฉพาะนายอนันตชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม และองค์กรต่างๆเพื่อให้เข้ามาตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของแหล่งที่มาของเงิน ว่าถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากมีลักษณะย้อนแย้งกับการออกมาสอนเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม หลายกรณี โดยเฉพาะการจัดจ้วงถึงครูบาอาจารย์ผู้ล่วงลับและเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ
นายศุภภัทร์พจน์ ทนายพจน์ กล่าวว่า การที่ นายเบียร์ ออกมาพูดเรื่องดังกล่าวตนเองได้ ได้เห็นคลิปดังกล่าวแล้วรู้สึกถึงความไม่เหมาะสมเพราะเป็นการกระทบไปถึงศิษยานุศิษย์ของพระเกจิโดยรวม ซึ่งการเก็บสรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของท่านเอาไว้ก็ถือเป็นจารีตประเพณี เอาไว้ให้เป็นสิ่งที่คอยเตือนสติ ในการทำความ แต่นายเบียร์ได้เอาไปเปรียบเทียบย่ำยีจิตใจของพุทธศาสนิกชน ซึ่งต้องบอกตรงตรงว่า การพูด พูดไม่คิด กับปาก ต้องแยกกันให้ออกเพราะเป็นสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งการที่นายเบียร์ได้ออกมาสอนให้หลักธรรม โดยหยิบเอาตอนหนึ่งของพุทธวจน มาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการให้ความรู้ ซึ่งโดยหลักพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ นายเบียร์จะต้องไปศึกษาโดยรวมให้ครบถ้วนเสียก่อนไม่ใช่นำมาสอนเพียงแค่สิ่งที่ตัวเองเชื่อและเข้าใจและสร้างเรื่องให้ผู้คนหลงเชื่อกับสิ่งที่ตัวเองได้นำเสนอ ซึ่งตรงนี้ต้องเป็นสิ่งที่ระวังไว้ให้มาก
ทนายพจน์ กล่าวต่อว่า จากการดูคลิปแล้วสิ่งที่นายเบียร์พูดเป็นคลิปที่ถูกตัดต่อเพราะผมได้ดูภาพรวมทั้งหมดแล้วก็เข้าใจตรงกันกับคลิปสั้นถึงการจาบจ้วงพระผู้ใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นมีการพูดลักษณะนี้หลายครั้งแล้ว ก็มีการกระทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระบวนการที่ได้พูดถึงสรีระสังขารก็กระทบกระเทือนไปถึงหลายวัด ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างที่คิดอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจชาวพุทธก็ไม่ควร ไม่ต้องแสดงความเป็นคนปากเสียออกมาก็ได้ สำหรับผมมองว่าการสอนทางทำไม่จำเป็นต้องต้องใช้คำหยาบคายเพราะลักษณะที่พูดออกมาเจ้าตัวจะอ้างว่าพูดในวงแคบและคนที่รู้จักกันเท่านั้นก็ไม่ได้เพราะมีการพูดผ่านโซเชียล หรือจะพูดในลักษณะแบบนี้แล้วบอกว่าเป็นการใช้ภาษาที่เป็นปกติ เรื่องนี้ผมยืนยันว่าไม่ใช่คำปกติ ไม่เช่นนั้นครูบาอาจารย์ก็ใช้คำเหล่านี้สอนกับนักเรียนไปแล้ว ยิ่งเฉพาะเคยมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของรัฐสภา ได้เชิญไปให้บรรยายธรรม กระทั่งมีกระแสว่าไม่เหมาะสมแต่ก็ยังมีการมาเถียงแทนว่าเป็นคำปกติที่ไทย ทั่วไปซึ่งผมมองว่าตรงนี้ เป็นตรรกะที่ปัญญาอ่อนมาก
ทนายพจน์ กล่าวต่อไปว่าสิ่งที่นายเบียร์ออกมาพูดนั้นย้อนแย้งทั้งเรื่องในการ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการที่ญาติโยมจะมีการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาโดยการสร้างโบสถ์สร้างวิหารไว้ให้หมาแมวเดิน แต่ตัวเองก็มีการเปิดรับบริจาคเพื่อที่จะไปสร้างเจดีย์ให้นกได้ขี้ใส่ อันนั้นก็เป็นเรื่องที่ย้อนแย้งไปหมดและมีความสับสนในการให้ความรู้ความรู้ เรื่องนี้ผมขอท้าทายให้นายเบียร์ฟ้องผมมาได้เลยผมขอบอกว่านายเบียร์ให้ข้อมูลมั่วไม่เป็นความจริง อยากจะท้าให้เขามาแสดงเจตนาและผมก็ไม่กลัวแฟนคลับของเขาเพราะผมพูดในส่วนของความถูกต้องและเป็นภาพรวมที่ปรากฏขึ้น
ทนายพจน์ กล่าวเสริมว่าทั้งนี้ในกรณี ข้อมูลแพร่สะพัดถึงเอกสารว่ามีคนสอนธรรมะ ได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เนื่องจาก ศาลมีคำสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายเรื่องนี้ ผมอยากให้ท่านทนายอนันตชัย ประธานมูลนิธิกองทัพธรรม รวมถึงทนายหมี และองค์กรอื่นๆได้เข้ามาร่วมตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงผมถือว่าเป็นการปกปิดไม่ให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลมาก่อนและเจ้าตัวก็ไม่ได้มีการออกมาพูดเรื่องนี้แต่อย่างใด แสดงว่ามีเจตนาที่จะไม่เปิดเผย
ทนายพจน์ กล่าวเพิ่มว่า สำหรับประเด็นในเรื่องของการมา เปิดรับบริจาคของคนคนนี้ หากกลายเป็นบุคคลที่มีสภาพเป็นบุคคลล้มละลาย ผมมีข้อสังเกตว่าแล้วเงินบริจาคจะเป็นของใครเพราะหากเงินบริจาคเข้าสู่บัญชีแล้วซับที่ได้มาก็จะจะต้องมีสภาพแบ่งเฉลี่ยให้กับทางเจ้าหนี้ หรือหากมีการโอนไปให้บัญชีอื่น บัญชีที่รับโอนนั้นก็จะกลายเป็นบัญชีม้าหรือไม่ อันนี้เข้าข้อกฎหมายให้ตรวจสอบ ซึ่งหากพบเป็นกระบวนการในการกระทำความผิดจริง ก็จะเข้าข่ายทางกฎหมาย ผมเห็นควรว่าทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนา องค์กรอื่นๆ ก็ควรจะลุกขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ได้แล้ว
” ผมขอย้ำว่าคลิปที่ผมได้ดูไม่ได้เป็นคลิปที่ถูกตัดต่อและถ้าเจ้าตัวจะออกมาขอโทษและบอกว่าถูกหลอกถูกตัดต่อถูกนำมาใส่ร้ายป้ายสีผมไม่เชื่อเพราะเจตนาเป็นแบบนั้นมาหลายครั้ง และหากกรณีล้มละลายเป็นจริงก็น่าสงสัยเพราะคนที่ออกมาให้ความรู้ทางธรรม ก็ควรจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติตนได้ดีและต้องเป็นตัวอย่างที่ดีด้วย เรื่องนี้ประชาชนที่รู้ควรจะมาตรวจสอบคนตื่นทำได้แล้วครับ” ทนายพจน์ กล่าวปิดท้าย