หนึ่งปีผ่านไปเราทำอะไรอยู่ หลวงพี่น้ำฝน ชวนมาเริ่มต้นใหม่ด้วยการสวดมนต์ข้ามปีกันเถอะ
เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน วันวารผ่านไปอย่างรวดเร็ว บางคนบอกว่ายิ่งแก่ก็ยิ่งรู้สึกว่าคืนวันช่างผ่านไปเร็ว เหมือนเพิ่งผ่านวันขึ้นปีใหม่ 2567 ไปแล้วแป๊บเดียว รู้ตัวอีกทีก็จะถึงวันขึ้นปีใหม่ 2568 แล้ว ผ่านไป 365 วันอย่างรวดเร็วราวกับกะพริบตา ในฐานะพุทธศาสนิกชน สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงย้ำเตือนแก่เราทั้งหลายว่า วันคืนล่วงไป เราทำอะไรอยู่ ชีวิตคนเราส่วนใหญ่อยู่ได้ยืนยงไม่ถึงหนึ่งร้อยปี พระพุทธองค์ก็ทรงดำรงพระชนมายุเพียงแปดสิบปี และปีหนึ่ง ๆ ก็ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก็หมายความว่าเวลาในโลกของเรานี้เหลือน้อยลงทุกทีดังนาฬิกานับถอยหลัง แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาตั้งเวลาไว้เท่าไร เหลือมากเหลือน้อยก็ไม่รู้ เมื่อสิ้นปีเก่า ขึ้นปีใหม่ ก็ควรเป็นเวลาจะระลึกถึงความไม่ประมาทเป็นเรื่องสำคัญ ดังพระปัจฉิมโอวาทว่าให้ดำรงตนบนความไม่ประมาท
ความไม่ประมาทคือหัวใจของพุทธศาสนาอีกประการหนึ่ง ชีวิตคนเราเกิดมาแสนสั้นเมื่อเทียบกับอายุของโลกนี้ จักรวาลนี้ เป็นเพียงอณูเล็ก ๆ ของช่วงเวลาอันยาวนานของจักรวาล โอกาสน้อยนิดแห่งการเป็นมนุษย์นั้นเราจะต้องใช้ให้คุ้มค่า และไม่ประมาท ความประมาทแม้แต่น้อยอาจทำให้เราพลัดไปจากมนุษยภูมิ อันเป็นภพภูมิที่ดีที่สุด อาตมากล้าใช้คำนี้เลย อย่าคิดแต่จะเสวยสวรรค์สมบัติ เป็นเทวดานั้นมีความสุขก็จริง แต่ก็แค่เสวยบุญที่กระทำมา พอบุญหมดก็ตกสวรรค์ไปตามเศษกรรมของตนต่อไป บุญอันทำให้เป็นเทวดาหมด บาปที่ทำให้ตกอบายภูมิทำงาน ก็ต้องไปใช้กรรม มิใช่ภพภูมิที่จะเลือกทางเดินชีวิตได้ดังเช่นมนุษย์ เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์ พบพุทธศาสนาแล้ว ก็ถือเป็นโอกาสดังพบก้อนเพชรในทะเลทรายอันเวิ้งว้าง ควรจะใช้มันอย่างมีค่าที่สุด และเมื่อโอกาสนั้นมันสั้นนัก แค่ว่าปีหนึ่งมี 365 วัน ยังรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วเหลือคณา ควรที่เราจะทบทวนตัวเองอยู่เสมอว่าเราได้ทำอะไรไปแล้ว ทั้งดีและไม่ดี ทั้งบุญและบาป ทั้งกุศลและอกุศล เพื่อที่ว่าในปีต่อไป เราจะมุ่งทำในสิ่งที่ดี เป็นบุญ เป็นกุศล หลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่ดี เป็นบาป เป็นอกุศล ปีใหม่นี้เป็นโอกาสอันดีที่เราจะทบทวนตนเอง เพราะสากลโลกถือว่าตอนนี้ครบปีปฏิทินพอดี ถือว่าขึ้นปีใหม่ ชาวโลกถือว่าเป็นเวลาที่เราจะทบทวนสิ่งเก่า ต้อนรับสิ่งใหม่ มีความหวังใหม่ ๆ เกิดขึ้น พวกเราก็จะได้ทบทวนสิ่งที่เป็นมาและเริ่มต้นสิ่งใหม่ไปพร้อมกับปีใหม่
แต่ก็น่าเสียดายว่าหลายคนมักใช้เวลาอันมีค่านี้ไปในทางที่ประมาท เช่น ไปดื่มเหล้าเมายา ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่มันจะผิดมาก ๆ ถ้าเมาแล้วขับ ใคร ๆ ก็ว่าคนเมานั้นมักว่าตัวเองไม่เมา พอตัวเองบอกว่าตนไม่เมาก็คว้ากุญแจสตาร์ทรถ ขับออกไป เสร็จแล้วก็เกิดหายนะขึ้นมาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ บางคนเสียทรัพย์ บางคนเสียอวัยวะและสมรรถภาพ และบางคนเสียชีวิต แล้วก็ไม่ได้มีแค่คนที่เมาแล้วขับอย่างเดียว คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ แต่ต้องมาประสบอุบัติเหตุจากคนเมาแล้วขับ อันนี้น่าสงสาร น่าเห็นใจ และเข้าใจความเจ็บใจกับความสูญเสียที่มาจากการเมาแล้วขับ นอกจากนี้ บางคนกินเหล้าแล้วได้เรื่อง ไม่ได้เพราะเมาแล้วขับ แต่เมาแล้วทะเลาะกันด้วยขาดสติ พูดจาอะไรก็พูดไปตามใจไม่มีสติกำกับ ลงท้ายคือทะเลาะกัน คว้าอาวุธใกล้มือทำร้ายกัน นี่ก็ด้วยฤทธิ์สุรา กลายเป็นว่า แทนที่จะได้ฉลองปีใหม่ด้วยความยินดี กลับกลายเป็นต้องมีเหตุเศร้าต้อนรับปีใหม่เสียแทน
น่ายินดีที่ชาวพุทธจำนวนมากตระหนักรู้ว่าปีใหม่ควรจะเริ่มต้นด้วยอะไรดี ๆ ไม่ต้องเสี่ยงภัยอะไร มาเข้าวัด สวดมนต์ข้ามปี อาตมาคิดว่าแทบทุกวัดทั่วประเทศไทยมีสวดมนต์ข้ามปี ถือเป็นกิจกรรมยอดนิยมของชาวไทยไปแล้ว สำหรับวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ก็จะจัดพิธีสวดมนต์ข้ามปีเช่นเดียวกัน เสริมสร้างพลังกับชีวิต สร้างอานิสงส์ และสร้างสิริมงคลในช่วงขึ้นปีใหม่ เพื่อให้มีแต่สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นไปตลอดทั้งปีหน้า ในวันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 19.09 น. เป็นต้นไป โดยในพิธีจะแจกจ่ายบทสวดมนต์พิเศษ มหาสมัยสูตร เป็นบทเจริญพระพุทธมนต์ที่คัมภีร์สุมังคลวิลาสินีอธิบายว่า เป็นที่รักที่ชอบใจของพวกเทวดา ที่ใดมีสวดมหาสมัย ที่นั่นจะมีเหล่าเทพเทวดาชั้นต่าง ๆ ไปฟังกันมาก เป็นการประกาศนามของเทวดาทั้งหลายที่มาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ และลงท้ายว่า พวกสาวกของพระพุทธองค์ทั้งหมดชนะสงครามแล้ว ล่วงความกลัวได้แล้ว มียศปรากฏในหมู่ชน บันเทิงอยู่กับด้วยพระอริยเจ้า ผู้เกิดแล้วในพระศาสนา ดังนี้แล อันนี้คือหลักใหญ่ใจความของความเป็นอริยะ
อาตมาจึงขอเจริญพรแจ้งข่าวสารของทางวัดให้ได้ทราบ และขออำนวยพรเนื่องในเทศกาลขึ้นปีใหม่ 2568 ด้วยเดชะบารมีพระรัตนตรัย ปวงเทพเทวา ครูบาอาจารย์ มีพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข เป็นต้น ให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญ มีแต่ความโชคดี โชคดี และโชคดี โดยทั่วหน้ากัน ขอเจริญพร