หลวงพี่น้ำฝน ชี้ “วันครีษมายัน” ไม่ส่งผลกระทบผลดวงคนไทย ให้นำศีล สมาธิ ปัญญา นำชีวิตคู่วิทยาศาสตร์
“วันครีษมายัน” พระอาทิตย์ร้อนแรงสุดในประเทศ หลวงพี่น้ำฝน ชี้ไม่ส่งผลกระทบกับดวงและเหตุเหตุอาเพศในประเทศประเทศไทย ขอให้อิงหลักความจริงนำวิทยาศาสตร์มาศึกษาควบคู่กับไสยศาสตร์ และใช้ความจริงดำเนินชีวิตโดย นำ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นที่ตั้งก็จะทำให้ชีวิตเกิดความมั่นคงและมีความสุขได้
วันที่ 21 มิถุนายน 67 “วันครีษมายัน” (อ่านว่า ครีด-สะ-มา-ยัน) (Summer Solstice) ตรงกับวันที่ 21 มิถุนายน 2567 ซี่งจะเกิดปรากฏารณ์ เป็นวันที่มีช่วงเวลากลางวันยาวที่สุดและช่วงเวลากลางคืนสั้นที่สุดของปี เนื่องจากดวงอาทิตย์ได้โคจรไปถึงจุดหยุด หรือจุดสุดทางเหนือ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ของทุกปี นับเป็นวันที่ประเทศทางซีกโลกเหนือย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งมีผู้ที่เชื่อในเรื่องดวงชะตาได้ตั้งข้อสงสัยว่าจะมีปรากฏการณ์ใดหรือจะต้องมีการตั้งรับดวงอย่างไรกับปรากฏการณ์ดังกล่าวในวันนี้
โดยในส่วนของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งได้มี ดร.เอ้ นนทวัชร์ อนันท์พรจินดา และพลพล พลกองเส็ง นักร้องดัง มาขอให้ประกอบพิธีลงนะหน้าทองให้เพื่อความเป็นสิริมงคลในวันนี้ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อของคนไทยว่า เรื่องนี้ถือไม่ได้ผิดปกติอะไร ดังเช่นที่ อาตมาได้เดินทางไปยังประเทศประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงหน้าหนาวก็จะมีช่วงเวลาที่เป็นกลางคืนมากกว่า ก็เป็นกระบวนการที่โลกก็หมุนไปตามระบบ ส่วนในเรื่องเหตุอาเพศภัยต่างๆก็ไม่เคยปรากฏขึ้นในตำรา และก็ไม่น่าจะเป็นประเด็นที่จะเข้ามาสอดคล้องกันเกี่ยวกับเรื่องของเหตุต่างๆ ด้วยเหตุนี้ทางด้านโหราจารย์ หรือพระเกจิอาจารย์ต่างๆก็ไม่น่าจะมีใครจัดกิจกรรมหรือพิธีกรรมใดใดขึ้น
หลวงพี่น้ำฝนกล่าวต่ออีกว่า แต่ในเรื่องของปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่จะมีการจัดพิธีต่างๆ ก็อาจจะจัดขึ้นในช่วง ที่เกิดสุริยุปราคา หรือ ราหูอมจันทร์ ก็จะมีการจัดอยู่แต่ปรากฏการณ์นี้ยังไม่เคยทราบและไม่เคยเห็นในตำราว่าจะมีการทำพิธีใดใด อย่างเช่นประเทศอื่นๆที่เกิดปรากฏการณ์เหล่านี้ขึ้นก็จะทำให้เกิดมีช่วงกลางวันยาวกว่ากลางคืน และกลางคืนมีเวลาสั้นกว่ากลางวันเช่นกันแต่ก็ไม่เคยปรากฏว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะมีเหตุอาเพศหรือส่งผลกระทบไปถึงดวงของผู้คนในประเทศนั้นๆ
“สำหรับคนไทยก็ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกใดใด ก็ขอให้มีการดำเนินชีวิตโดยการ นำหลักธรรม และสติมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต คือขอให้มีการนำศีล สมาธิ ปัญญา เป็นแนวทางซึ่งก็จะทำให้รอดพ้นจากอันตรายต่างๆนานาได้ นำปัญหามาปลงมาใช้ในชีวิตประจำวัน” หลวงพี่น้ำฝนกล่าว
หลวงพี่น้ำฝนกล่าวต่อไปว่า ส่วนประเด็นจะมองในเรื่องของพลังพระอาทิตย์และพระ หรือในเรื่องของฤกษ์งามยามดีในวันมงคลมงคลต่างๆ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล ท่านได้ให้วิธีคิดไว้ว่า ความพร้อมเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็คือฤกษ์งามยามดีเมื่อนั้น เราถือเอาความสะดวกสบายใจของเราเป็นที่ตั้งหากพร้อมแล้วครบแล้วก็สามารถดำเนินกิจกรรมกิจการเป็นฤกษ์งามยามดีทั้งหมด ในยุคปัจจุบันญาติโยมมีความรู้กันมากขึ้น ซึ่งหากจะประเมิน การดำเนินชีวิตเราต้องมีหลักวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์มาประกอบศึกษาควบคู่กันไปไม่ใช่หนักไปทางด้านใดด้านหนึ่งจนสุดโต่ง และเอาความจริงมาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ด้วยการกระทำความดีและนำสิ่งเหล่านี้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตนั่นถึงจะเรียกว่ามาถูกทาง