บุ๋ม ปนัดดา ชี้ประเด็น หนุ่ม กะลา ฟ้องจูนภรรยา ไม่น่าแถลงข่าว ควรถนอมใจลูก
บุ๋ม ปนัดดา ให้ความเห็นกรณีหนุ่ม กะลา ฟ้องหย่าจูน ภรรยา หลังเปิดโปงรายรับรายจ่ายในครอบครัว โดยชีว่าเรื่องนี้ควรเป็นเรื่องที่มาตกลงกันเองในครอบครัว ไม่ใช่การแถลงข่าว เพื่อรักษาความรู้สึกของลูก โดยเข้าใจว่าทั้งสองฝ่ายมีสิทธิ์ในการใช้กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งอดีตนางสาวไทยได้ตั้งคำถามว่าวันนี้ หนุ่ม กะลา ยังมีการออกมาพูดถึงค่าใช้จ่ายของลูก ซึ่งน่าจะเป็นประเด็นหลักมากกว่าเรื่องหนี้สิน และชี้ว่าสาวยุคใหม่ควรยืนด้วยตัวเองเรื่องไรรายได้จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจหลังเลิกรากันไป
เมื่อค่ำของ วันที่ 9 มิ.ย. 67 เวลา 17.09 น. ที่บริเวณลานหน้าศาลาหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี อดีตนางสาวไทยประจำปี พ.ศ 2543 พิธีกร และนักแสดงมากความสามารถ ได้เข้าร่วมพิธีบวงสรวงละครซีรีส์วาย เรื่อง “คุณยมฑูต” โดยผู้จัด ปุลินณา ธรรมเมธี (คุณตัส) ได้เชิญศิลปิน ที่เข้าร่วมแสดงหลายคนร่วมในพิธี โดยพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้จัดพิธีบวงสรวงพระยายมมราช ขึ้นเพื่อเป็นสิริมงคลสำหรับกองถ่ายละคร โดยมีแฟนคลับและสื่อมวลชนหลายแขนงเข้าติดตามบรรยากาศภายในพิธี
บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นการฟ้องร้องระหว่างหนุ่มกะลาและจูนภรรยาเกี่ยวกับเรื่องบริษัทและการใช้เงินในครอบครัว โดยบอกว่า เราไม่ได้เป็นคนในครอบครัวและก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย ซึ่งการจะสั่งเงินโอนไปไหนอย่างไรก็ต้องดูในรายละเอียดด้วย ส่วนประเด็นที่จะมองว่าเป็นการยักยอกหรือไม่นั้นก็ต้องมามองดูในเรื่องของกระบวนการหลักฐานต่างๆ เช่น ถ้าเป็นรูปแบบบริษัท แล้วเซ็นออกมาเป็นชื่อของตัวเองอย่างนั้นเรียกยักยอกได้ แต่ถ้าพี่หนุ่ม รู้ว่าเงินทั้งหมดแล้วเซ็นเอง แล้วไม่ตรวจเช็ค คือปล่อยให้ภรรยาได้ไปจับจ่ายใช้สอยภายในบ้าน ซึ่งมันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะคุณจูนจ่ายเงินจะต้องมีเงินสำรองในบ้าน อย่างเช่นวันนี้แอร์เสีย น้ำไม่ไหล ใครเป็นคนจ่าย และสิ่งที่เป็นค่าใช้จ่ายไปในบ้านตรงน้องต่างหากที่มองว่าคุณได้มีการคุยกันไว้อย่างไร
” ต้องแยกประเด็นอย่างหนึ่ง คือคนในวงการบันเทิง เฉพาะคนที่มีรายได้เยอะ เราก็จะรับเงินในรูปแบบบริษัทหรือในรูปแบบของห้างหุ้นส่วนจำกัดแบบที่พี่หนุ่มรับ เมื่อรับมาแล้วแบบนั้นการใช้จ่ายอะไรก็แล้วแต่จำเป็นจะต้องมีการเบิกจ่ายในรูปแบบของบริษัท และค่าใช้จ่ายส่วนตัวก็ต้องไปเบิกจากบริษัทซึ่งตัวผมเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน เพราะผมเองก็กลายเป็นพนักงานของบริษัทตัวเอง เราก็รับเงินเดือนจากบริษัทมาบริหารจัดการภายในบ้าน ย้ำอีกครั้งว่านี่คือการพูดคุยกันว่าตกลงกันอย่างไร แต่เรื่องนี้บุ๋มมองว่าที่สุดแล้วควรจะคุยกันเองในบ้าน เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้มันจะเกิดผลกระทบขึ้นกับเด็ก กับความรู้สึกอ ในอนาคตเขาเปิดมาเจอข่าวพ่อแม่ทะเลาะกัน ซึ่งเขาจะไม่สบายใจ ทั้งหมดคือค่าใช้จ่ายที่ดูแลเขา คุณควรตกลงกันเงียบๆในบ้าน ไม่ใช่แถลงข่าว นี่คือความรู้สึกของบุ๋ม ดดยการแต่งงานส่วนหนึ่งกระเป๋าของเราคือกระเป๋าเดียวกันเขาก็ว่ากันแบบนั้น แต่มุมกฎหมายเมื่อเลิกกันแล้วทรัพย์สินทั้งหมดก็ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง แต่นี่ยังไม่เลิก ควรจะคุยกันก่อน
” บุ๋ม กล่าว
บุ๋ม ปนัดดา บอกว่า สำหรับประเด็นที่ จูนถูกฟ้องทั้งตัวสามีและหญิงคู่กรณี ก็ รู้สึกเห็นใจ แต่ก็ต้องว่าด้วยข้อมูลหลักฐานไปสู้กันในชั้นศาล ถ้าหลักฐานเชื่อได้ว่าอีกฝั่งนึงได้ออกหน้าออกตาเป็นเมียน้อยจริงๆ คุณจูนก็ได้สิ่งนั้นเต็มๆ แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็มีสิทธิที่จะใช้กฏหมายเพราะอาจจะบอกว่าเป็นการลงรูปแค่คล้ายๆกัน อย่างนี้เป็นต้น ขึ้นกับว่าศาลท่านจะมองว่าอย่างไร ซึ่งตนเองยังมองว่าจะมีการพูดคุยกันและตกลงกันได้ และพี่หนุ่มจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร เรื่องค่าเลี้ยงดูบุตรจะจัดการอย่างไร ณ วันนี้บุ๋มยังไม่ได้ยินเลยว่าพี่หนุ่มจะจัดการค่าเลี้ยงดูบุตรอย่างไร อันนี้ผมอยากฟังมากกว่า พี่หนุ่มไม่พูดถึงลูกสักคำ ในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยวนะ ส่วนตัวไม่เอาเพราะถ้าเอามาแล้วมีปัญหาก็จะไม่เอา แต่บังเอิญว่าคุณพ่ออันดานั้นเป็นอีกแบบนึง ที่เขาดูแลได้ตกลงกันได้อย่างดี ฉะนั้นมันขึ้นอยู่กับการตกลงกันเองว่าจะตกลงกันอย่างไร ซึ่งควรต้องคุยกันเองและควรจะคุยกันเรื่องค่าใช้จ่ายลูกจะดีกว่ามากกว่าจะมานั่งคุยกันว่าหนี้สินจะทำอย่างไรบุ๋ม ปนัดดา กล่าวปิดท้ายว่า ประเด็นนี้ที่เกิดขึ้นในสังคมก็อยากจะ หลายคนอาจจะไม่สตรอง เหมือนคุณจูน แต่อยากจะบอกสาวสาวว่าถ้าแต่งงานไปแล้วก็อยากจะจะให้ยืนด้วยสองขาของตัวเองให้ได้ และพึ่งพาทางด้านการเงินด้วยตัวเองให้ได้ เมื่อเลิกรากันไปเราก็ยังจะสามารถดูแลตัวเองของเราได้โดยที่ไม่ต้องร้องไห้ อีกเรื่องถ้ามีลูกด้วยกันแล้ว ขอให้มองลูกเป็นสำคัญ คือสิ่งที่อยากจะบอกไว้