หลวงพี่น้ำฝน ย้ำคอร์สสู่นิพพาน มีฟรี ทุกวัดทั่วประเทศ นายกสมาคมไวยาวัจกร สับผิดพรบ.คอมฯ นำเข้าข้อความอันเป็นเท็จ
หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม สับ เจ้าตำรับคอร์สสู่นิพาน 2.5 หมื่นบาท ให้สำนึกถึงคำว่ากรรม ทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น เน้นประชาชนเข้าถึง 5 ห้าทำชีวิตสงบสุข ส่วนประเด็นศึกษาถึงนิพพานพระสงฆ์หลายรูปยังไม่บรรลุ แต่ทุกวัดทั่วประเทศเปิดคอร์สอบรมธรรมฟรีอยู่แล้ว ญาติโยมต้องใช้หลัก ค ว ย ห อย่างมีเหตุผล ภายใต้ ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ตกเป็นเครื่องมือผู้แอบอ้าง ขณะที่นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ชี้การอวดอ้างเป็นเรื่องตลกทำตัวเหมือนเก่งกว่าพระพุทธเจ้า ชี้เป็นความผิดด้านพรบคอม ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ สะกิดสำนักพุทธทำหน้าที่ สามวันไม่เดินหน้า จะเดินแจ้งความกล่าวโทษที่กองปราบเอง
วันที่ 17 ม.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีเรื่อง “ครูโอ้ เปิดคอร์สสู่นิพพาน 2.5 หมื่น” ซึ่งเป็นกรณีร้อนแรงที่ประชาชนให้ความสนใจรวมถึงผู้สันทัดกรณีทางด้านพระพุทธศาสนาชี้ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความไม่เหมาะสมที่จะออกมาพูดหรือจัดอบรม เพราะเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องดังกล่าว
โดย พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่าทราบเรื่องดังกล่าวเมื่อไม่กี่วันมานี้ก็รู้สึกมีความไม่สบายใจ ที่ปัจจุบันมีการใช้สื่อออนไลน์เปิดคอร์สในการเข้าสู่นิพพานด้วยเงินเพียง 25,000 บาท โดยชี้ว่าเรื่องดังกล่าวประชาชนหรือพุทธศาสนิกชนจำเป็นต้องมีการตื่นตัวและตระหนักในเรื่องของการใช้หลักการในการคิดก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อหรือเครื่องมือของคณะบุคคลหรือกลุ่มคนที่กำลังตักตวงผลประโยชน์ในสังคมปัจจุบันนี้
หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า การเปิดอบรมคอร์สสู่นิพพานจริงๆแล้วคณะสงฆ์ทั่วประเทศก็ได้มีการดำเนินการอยู่แล้ว โดยเป็นการอบรมธรรมะฟรีให้กับญาติโยมซึ่งคณะสงฆ์ก็ทำหน้าที่นี้อยู่แต่ไม่เข้าใจว่าบุคคลดังกล่าวเหตุใดถึงได้มีการคิดว่าเรื่องนี้สามารถเปิดคอร์สแล้วจะเข้าสู่นิพพานได้เพียงไม่นาน เพราะพระภิกษุสงฆ์หลายรูปก็ไม่สามารถบรรลุไปถึงจุดนั้นได้ ในส่วนของประชาชนก็ขอให้ดำเนินตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยหลักการง่ายๆคือศีล5 ก็จะทำให้ ชีวิตสงบสุขได้ ที่สำคัญจำเป็นต้องคิดอยู่ในหลักของการ ค คือ คิด ว คือ วิเคราะห์ ย คือ แยกแยะ ห คือเหตุผล ด้วยหลักของการปฎิบัติ ศีล สมาธิ และปัญญา สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่นำไปสู่การตกเป็นเหยื่อหรือหลงทางในการดำเนินชีวิตด้วยหลักธรรม
หลวงพี่น้ำ กล่าวอีกว่า ในทางปฏิบัติสิ่งที่เห็นได้ชัดคือพระพุทธองค์ได้ให้แนวทางโลภโกรธหลง ไว้เป็นแนวทางหนึ่ง ถ้าเราตั้งต้นด้วยความโลภ ก็จะนำสู่ความโกรธ พาไปสู่ความลุ่มหลง เหล่านี้จะทำให้เราหลงเชื่ออะไรได้ง่าย แต่หากมีสติมีปัญญา คิดวิเคราะห์อย่างถ้วนถี่การปฎิบัติธรรมไปสู่นิพพานประชาชนก็สามารถทำได้ หากอยู่ตามหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามหลักคำสั่งสอนอย่างเคร่งครัด
“มีคำถามถามตอบมาว่าหากจะฝากถามถึงผู้จัดอบรมในคอร์สนี้ ก็จะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของกรรม เราทำกรรมใดก็จะได้สิ่งนั้นหากทำดีสิ่งดีดีก็จะเข้ามา หากทำสิ่งไม่ดีความเร็วร้ายก็เข้ามาหาในชีวิต จึงฝากฝากถึงคนที่คิดจะหลอกสังคมให้ตก เรื่องนี้เป็นสิ่งที่อยากจะฝากไว้ไม่เจ็บเพียงอาจารย์คนใดคนหนึ่งแต่อยากฝากถึงคนทุกคนหากใช้หลักการนี้ก็จะเข้าใจถึงวิถีแห่งกรรมของตนเอง”
ด้าน นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความ ในฐานะ นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย เผยว่า เรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่ตลกมาก เพราะอย่างน้อยคนที่จะก้าวไปสู่นิพพานต้องมีหลักการปฎิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเบื้องต้นคือการปฏิบัติสมถะกรรมฐานก่อน เมื่อปฏิบัติถึงขั้นหนึ่งจนได้สมาธิแล้ว สมาธิจะนำพาซึ่งปัญญา และเป็นที่มาของวิปัสสนา นี่คือการเริ่มต้นหากจะเข้าถึงการปฎิบัติธรรม แต่ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้จู่จู่ก็มาบอกว่าสามารถจะทำให้บรรลุสู่นิพพานได้ โดยใช้การเข้าคอร์สอบรม และมีการเสียเงิน ถึง 2.5 หมื่นบาท และยังมีการเจาะจิตให้เข้าสู่การบรรลุธรรมได้เช่นนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ตลกมาก
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวต่อว่า ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมจิต หรือเจาะจิตแบบนี้ พอมีการไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษก็ไม่มีผู้เสียหายอาจจะเพราะเป็นความอาย ยังงมงายก็ไม่ทราบ เพราะในองค์ประกอบ บอกว่าเป็นการหลอกลวงผู้อื่นหรือปกปิดข้อเท็จจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งและนำไปสู่การสูญเสียเงินทองหรือทรัพย์สิน มีผู้เสียหายมันก็ไม่สามารถนำไปสู่การดำเนินคดีได้ แต่สำหรับรายนี้มีการประชาสัมพันธ์ในสื่อโซเชียลตามแพลตฟอร์มต่างๆอย่างชัดเจน ตรงนี้มีความผิดชัดเจนตรงความผิดพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 อนุมาตรา 1 บอกไว้เลยคือการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ เพราะในมาตรานี้ไม่ได้บอกว่าหลอกลวงแล้วมีค่าเสียหาย แต่เค้าใช้คำว่าโดยประการที่จะเป็นการเสียหายแก่ประชาชน ตรงนี้ใครเข้าไปกล่าวโทษต้องมีการดำเนินคดีทางกฎหมาย
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้อยากจะฝากถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นแม่งาน ที่ผ่านมาอาจจะมองถึงว่าสำนักงานพระพุทธศาสนามีหน้าที่ดูแลพระสงฆ์ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของประชาชนที่ก่อเรื่องขึ้นมา ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการหรือเกี่ยว อันนี้ไม่จริง เพราะหากเข้าไปดูในวัตถุประสงค์ของหน่วยงานก็บอกชัดเจนว่าทำหน้าที่ในการดูแลพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ดูแลพระสงฆ์อย่างเดียว
“อย่างกรณีนี้การเจาะจิตการเชื่อมจิตเพื่อนำไปสู่นิพพานและคนที่พูดก็เป็นใครก็ไม่รู้ มาบิดเบือนให้เกิด ความเข้าใจผิดว่ามีการเสียเงินแล้วจะนำไปสู่ซึ่งนิพพาน เขาพูดถึงเรื่องพระพุทธศาสนาโดยตรง จะหลีกเลี่ยงไม่ดำเนินการเรื่องนี้ไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะบางคนจิตใจอ่อนแอขาดที่พึ่ง หากมาพบกับข้อมูลเหล่านี้ อาจจะตกเป็นเหยื่อได้ และองค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ไม่เคยไปเจาะจิตหรือเชื่อมจิตใคร พระองค์ก็ให้พระธรรมคำสั่ง และสาวกก็นำไปประพฤติปฏิบัติต่อกันมา ซึ่งหากหน่วยงานไม่ดำเนินการภายในสามวันนี้ ผมในฐานะนายกสมาคมฯ จะเข้า ไปแจ้งความกล่าวโทษที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามต่อไป” นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวปิดท้าย