บริษัท และ ส้ม ตรีชฎา ไม่ทน!!แจงยิบทำธุรกิจโปร่งใส ส่วน ฝน ธนสุนทร ย้ำ ตนเองคือพรีเซนเตอร์

บริษัท และ ส้ม ตรีชฎา ไม่ทน!!!! แจงยิบ ทำธุรกิจโปร่งใส ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ ฝน ธนสุนทร ย้ำ ตนเองคือพรีเซนเตอร์ ปัดเอี่ยวการพนัน-ขายบ้าน

วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2567 เวลา 11.00 น. ที่ออฟฟิต เดอะเจเนอรัส หทัยราษฎร์ฯ

คุณส้ม ดร. ตรีชฎา ใจสบาย ผู้บริหาร บริษัท เดอะ เจเนอรัส จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายแบรนด์สบู่กายา ควงทนาย พิเชษฐ ไชยกูร และ ทนาย ภิญโญ พุมนวน ตั้งโต๊ะแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระแสข่าวโจมตี แบรนด์สบู่กายา โดยมีนักร้องเสียงหวาน ฝน ธนสุนทร เป็นพรีเซนเตอร์ ภายใต้โปรเจกต์ปลดหนี้ ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ และพาดพิงถึงพรีเซนเตอร์ว่าเป็นเจ้าของ สร้างความเสียหายให้กับ พรีเซนเตอร์และบริษัทเจ้าของแบรนด์อย่างหนัก โดยทางคุณส้มได้ชี้แจงถึงกรณีต่าง ๆ ดังนี้ และในบางช่วงถึงกับหลั่งน้ำตา ‘แบรนด์สบู่กายา มีมา 5 ปีแล้วนะคะ เน้นการขายแบบปากต่อปาก ใช้ดีจนเพื่อนทักก็สามารถมารับไปขายในราคาส่ง สินค้าขายดี เพราะคุณภาพของสินค้าค่ะ เป็นสบู่ที่เรานำนวัตกรรมจากฝรั่งเศสมาใช้ สารสกัดที่เราใช้ก็มีงานวิจัย ซึ่งเราได้เตรียมเอกสารยืนยันพร้อมงานวิจัยทั้งหมดไว้ให้พี่ๆนักข่าวได้ดูแล้วค่ะ ‘ในส่วนที่เป็นประเด็นที่มีคนกล่าวหาโปรเจกต์ปลดหนี้ ทำไมเราถึงเรียกโปรเจกต์ปลดหนี้? เป็นเพราะว่าเมื่อก่อนครอบครัวส้ม และตัวส้มเองเคยมีหนี้ แล้วก็ปลดหนี้ได้เร็วขึ้นกว่าปกติ จากการทำธุรกิจออนไลน์ ส้มเลยอยากแบ่งปันความรู้ให้กับคนที่มีหนี้ สิ่งที่เราทำเพื่อให้ตัวแทนจำหน่ายมีรายได้ ให้เขามีเงินไปใช้หนี้ เราจะมีคอร์สสอนฟรีทุกคอร์สนะคะ ปกติคอร์สเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง คนที่มีทุนน้อย คนที่มีหนี้หรือมีบุตรที่มีรายจ่ายค่อนข้างสูง ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เรียนคลาสเหล่านี้ เราเลยทำโปรเจกต์นี้ขึ้นมาให้คนกลุ่มนี้ได้เรียนฟรีค่ะ และผลลัพธ์ที่เราทำมันก็ทำให้ทุก ๆ คนมีความรู้ในการขายออนไลน์ มีรายได้ ไปทยอยใช้หนี้ ซึ่งทางเราไป Print หลักฐานมาให้ดูด้วย ‘และขอเรียนให้ทราบว่าทุกท่านที่เขาปลดหนี้ได้เขาทำกับเรามาตั้งแต่ 1-3 ปีแล้ว โดยที่พี่ฝน ธนสุนทรเพิ่งจะเข้าเป็นทำหน้าที่พรีเซนเตอร์ และขอแก้ความเข้าใจผิดที่มีกระแสโจมตีว่า พี่ฝนคือเจ้าของแบรนด์ อันนี้ชี้แจงตรงนี้เลยว่า พี่ฝน คือพรีเซนเตอร์ ที่ทำหน้าที่พรีเซนต์ผลงานของแบรนด์เรา มีหน้าที่นำเสนอตามเจ้าของแบรนด์มอบหมายมาในการนำเสนอ

‘ประเด็นต่อไปนะคะ รูปแบบที่เราทำ กล้าพูดได้ชัดเจนนะคะ ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ หรือแม้แต่ธุรกิจเครือข่ายก็ไม่ใช่นะคะ เป็นการจำหน่ายสินค้าตามเรทที่บริษัทกำหนด เป็นการซื้อ-ขายปกติ ซื้อมา ขายไป ไม่มีการทำระบบ Binary หรือ การจ่าย Matching หรือการจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ ประเด็นพวกนี้ จะไม่มีเลยนะคะ และทุกท่านที่มาจ่ายเงินซื้อของ จะได้รับสินค้ากันไปครบถ้วนทุกคน ท่านใดที่ไม่ได้รับสินค้า ก็สามารถแจ้งร้องเรียนเข้ามาได้ เพราะบริษัทไม่เคยมีเจตนานำเงินของลูกค้าไปลงทุนในส่วนอื่น และสินค้าของเรามีเอกสารจดแจ้งกับองค์การอาหารและยาอย่างถูกต้อง ผลิตโดยโรงงานที่ได้มาตรฐานซึ่งก็คือโรงงาน cell nature โดยที่เรามีเอกสารแสดงการผลิตทั้งหมด ‘แบรนด์ของเราจะไม่มีการบังคับยอด ไม่มีการบังคับให้ออกไปหาดาวน์ไลน์ เพราะเราไม่ได้ทำระบบนั้น เรามีการสร้างทีม สำหรับคนที่อยากจะสมัครมาเป็นตัวแทน ก็เท่ากับว่าเป็นทีมงานของเรา เราก็จะเปิดกลุ่มไว้ดูแลคนที่เป็นทีมงาน โดยที่ไม่มีการบังคับยอดการสั่งซื้อ และไม่มีการบังคับให้ออกไปหาตัวแทนนะคะ เราเน้นการสอนให้ทุกคนขายปลีกเก่ง การที่มีคนขายดีจนสามารถไปปลดหนี้ได้ อันนี้ก็น่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ท่านอื่น ๆ มาสมัครตัวแทนจำหน่ายได้นะคะ ซึ่งหากในการสื่อสารที่ผ่านมาที่เราทำคลิปออกมา ถ้าหากทำให้หลาย ๆ ท่านเกิดการเข้าใจผิด คิดว่าเราเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ คิดว่าเราชักจูงคน เราน้อมรับที่จะปรับปรุงแก้ไข นับจากนี้ไปการสื่อสารจะมีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อไม่ให้ทุกท่านเกิดความเข้าใจผิดค่ะ

‘ประเด็นถัดไป สินค้าของเรา เป็นสินค้าที่ขายผ่านตัวแทนจำหน่าย ทางบริษัทไม่ได้ขายแข่งนะคะ มีการนำออเดอร์ที่ได้ ไปยกให้กับตัวแทนจำหน่ายนะคะ ในจุดนี้นั่นเองค่ะ ที่ทำให้ตัวแทนจำหน่ายของเรามีรายได้กันมากขึ้น เพราะถ้าหากให้เขาขายเองทั้งหมด บางคนเขาขายไม่ได้ เราทำจุดนี้เพื่อสร้างความสบายใจกับการสมัครเปิดบิล 520 บาท ว่าเงินนี้ก็จะได้รับต้นทุนคืนพร้อมกับกำไรจากการขายสินค้าค่ะ ‘ประเด็นสุดท้าย ที่หลายท่านแจ้งว่า ไม่เคยเห็นรีวิว เห็นแต่คลิปโปรเจกต์ปลดหนี้ เราขอเรียนแจ้งว่าเรามีการทำคลิปรีวิว แต่ถ้าหากยังไม่มากพอ การเข้าถึงยังไม่มากพอ เราจะทำคลิปเพิ่ม แล้วเดี๋ยวจะเพิ่มการมองเห็น เพิ่มการเข้าถึงมากขึ้น โดยที่เราให้คำมั่นสัญญาว่ารีวิวของเรา ไม่ว่าจะในอดีตหรือที่กำลังจะทำในอนาคต จะเป็นรีวิวที่จริงใจ เป็นรีวิวจากผู้ใช้จริง ไม่มีการจ้าง หรือการซื้อรีวิวค่ะ’คุณส้มกล่าวทิ้งท้าย

จากนั้นทางด้านพรีเซนเตอร์ ฝน ธนสุนทร ก็ได้ชี้แจงผ่านทางโทรศัพท์ ว่า ‘ตอนนี้มีหลายคนเข้าใจผิดว่าพี่ฝนเป็นเจ้าของแบรนด์ ตอนนี้พี่ฝนเป็นพรีเซนเตอร์เท่านั้น และสาเหตุที่ตัวแทนจำหน่ายเรียกพี่ฝนว่าบอส เพราะเขานับถือพี่ฝน อยากให้เกียรติพี่ฝน เท่านั้นเองคะ ในส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากหน้าที่ของพี่ฝน ทางเจ้าของแบรนด์จะเป็นคนอธิบาย และชี้แจงเองนะคะ และในกรณีที่เพจหรือบุคคลใด ๆ พยายามสื่อสาร ที่บิดเบือนความจริงอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าจะช่องทางใดก็ตาม ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะออกความคิดเห็นนะคะ คือไม่อยากให้มันมีเรื่องราวใหญ่โต และไม่อยากให้มีการต้องดำเนินคดีต่าง ๆ ไม่ได้อยากได้คำขอโทษเป็นเงินสด อะไรอย่างนี้ไม่ใช่นะคะ อยากได้คำขอโทษที่เป็นคำขอโทษจริง ๆ ว่าจริง ๆ อาจจะต้องหาข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ แล้วก็อาจจะให้ความเป็นธรรมกับพี่ฝนด้วยนะคะ ขอฝากไว้ด้วยนะคะ ฝนเป็นแค่พรีเซนเตอร์นะคะ ไม่ใช่เจ้าของแบรนด์ค่ะ’ กับกระแสข่าวลือ โยงว่านักร้องเสียงหวาน มีปัญหาเรื่องการเงิน และมีเอี่ยวกับการพนัน ‘พี่ฝนรู้สึกแย่ เพราะไม่ใช่เรื่องจริงเลย จริงๆ เรื่องนี้ มันมีกระแสมานานแล้ว แต่มันไม่ใช่เรื่องจริง มันไม่ใช้พี่ฝน ไม่ได้สนใจ ยุ่งเกี่ยวอะไร เพราะมันไม่ใช่ความจริง ตอนนี้เอามาโยงอีก เอ๊ะ ทำไมยังไม่จบ ซึ่งพูดได้เต็มปากว่า การพนันไม่ใช่เรื่องจริง ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นแฟนคลับที่รู้จักนิสัยใจคอเรา เขาก็จะรู้ว่าเราไม่ใช่แบบนั้น แต่แฟนคลับที่ดูเผินและเสพข่าว รู้สึกจะติดตามต่อดีมั้ย ก็อยากจะบอกว่า ข่าวบางข่าว ทำคอนเท้นต์มาเพื่อเอากระแส ซึ่งเราไม่อยากเกาะกระแส ไม่อยากตอบโต้ นิ่งๆ นี่พี่ฝนออกเพลงใหม่ยังไม่มีใครรู้เลย ฝนยังไม่เลิกร้องเพลง แต่นักร้องสาวติดการพนัน มันมาได้ยังไง ถ้าเกิดจะไปนั่งพูดนั่งแก้ ไม่จบเสียที เพราะมันนานมาแล้ว ขอยืนยันตรงนี้ว่าพี่ฝนไม่เคยติดการพนัน ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ’ กับประเด็นโจมตีเรื่องขายบ้าน เป็นหนี้ขายบ้านทิ้งและยังมาช่วยคนอื่นปลดหนี้ หรือจะเอาเงินคนอื่นไปช่วยตัวเองปลดหนี้กันแน่? ‘เรื่องขายบ้าน เริ่มจากมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ที่บ้าน คุยปกติ คุยเรื่องอนาคตซึ่งพี่ฝนชอบทำการเกษตร เลยบอกไปว่าอนาคตพี่ฝนอยากมีบ้านสวน อยู่แบบพอเพียงอย่างที่ในหลวง ร.9 สอน จะเห็นว่าพี่ฝนฝึกทำปุ๋ย ทำโน่น ทำนี่ ฝึกตัวเองว่าเราจะไปอยู่สวนแบบนั้นในปั้นปลาย หลังจากเลิกร้องเพลง นักข่าวเลยถามว่าถ้าไปอยู่หลังนั้นแล้วบ้านหลังนี้ล่ะ ก็ตอบไปว่าถ้าไปอยู่แบบนั้น บ้านหลังนี้ก็คงต้องขาย แค่นี้เอง ไม่ได้ประกาศขายบ้าน แต่พูดจริงว่าถ้าเราถึงขั้นนั้น บ้านหลังนี้คงต้องขาย อาจจะฟังไม่จบ ฟังแค่ขายบ้าน อ่านแค่พาดหัว นักข่าวก็ขอว่าขอพาดหัวแรงได้มั้ย เราเรียนนิเทศฯมา ไม่รู้ว่ามากระทบ แต่ถ้าคนได้ฟังเนื้อหาตั้งแต่ต้นจริงๆ มันก็เป็นอย่างที่ฝนเล่าค่ะ ให้เล่ากี่รอบก็ยังเหมือนเดิม เพราะมันคือความจริงค่ะ’