นครปฐม ยังไม่จบ ทนายพจน์ โต้ แพรรี่ ศาลชั้นต้นยกฟ้องหมิ่นหลวงพี่น้ำฝน
ทนายศุภภัทร์พจน์ โต้แพรี่ อย่าดีใจดี๊ด๊า เกินงาม ศาลชั้นต้นยกฟ้องคดีหมิ่นหลวงพี่น้ำฝนออกสื่อยังไม่จบ เตรียมยื่นศาลอุทธรณ์แน่นอน ส่วนนายจาตุรงค์ เจอโพสต์เข้าข่ายหมิ่นอีกเตรียมฟ้องส่วนตัวอีกคดี ชี้อีกคดีตกเป็นจำเลยในคดีที่ตนเองฟ้องไว้ เตรียมมาประกันตัวเดือนมกราคม 67 ด้วย ถามพอเสียเรียบเงียบกริบ พอได้ทีออกมาโพสต์สนุกสนานทุกครั้ง ย้ำทั้ง 2 คนอย่าหยุดโพสต์หากพบว่าเข้าข่ายหมิ่นอีกฟ้องอีกแน่นอน
วันที่ 30 พ.ย.66 ที่วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม
จากกรณีที่แฟนเพจ “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” ได้มีการโพสต์ข้อความระบุว่า คดีที่พระน้ำฝนฟ้องร้องดิฉัน ศาลยกฟ้องค่ะ เป็นอย่างไรคะ วันนั้นที่แถลงข่าวกันเป็นใหญ่เป็นโต กล่าวหาดิฉันว่าหมิ่นประมาทเช่นนั้นเช่นนี้ พูดจาโอ่อ่าวางท่าวางที สุดท้ายวันนี้ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง แล้วยกฟ้องตั้งแต่ชั้นไต่สวนมูลฟ้องเลยนะคะ พระน้ำฝนก็ดี ลุงทนายเปรียญ 3 ของพระน้ำฝนก็ดี ดิฉันขอพูดอย่างเวทนาสงสารนะคะ ถ้าพอมีเวลาว่างมาพบดิฉันได้ มานั่งเรียนบาลีกับดิฉันนะคะ ดิฉันจะบอกจะกล่าวให้ อะไรเป็นเรื่องถูกต้องไม่ถูกต้อง อะไรเหมาะสมไม่เหมาะสม สิ่งใดพึงปฎิบัติ สิ่งใดพึงสังวรละอาย ดิฉันจะอาศัยความเอ็นดูบอกกล่าวให้ค่ะ ส่วนอีกเรื่องที่อยากฝากนะคะ สำนักข่าวก็ดี รายการทีวีก็ดี ถ้าไม่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมมากพอ ไม่กล้ายืนยันในความถูกต้องของวิชาชีพอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องเชิญดิฉันไปพูดเรื่องศาสนาแล้วนะคะ ประเภทว่าเชิญไปแล้วพอเขาฟ้องก็กลัวหัวหด ยกถ้วยยกพานไปกราบเขา ทำเรื่องถูกให้กลายเป็นเรื่องผิด แบบนี้ไม่เอาค่ะ ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม จบ
ซึ่งต่อมา นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร “ทนายพจน์” ทนายความ ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า ซึ่งได้ระบุว่าที่ทั้ง นายแพรรี่ ไพรวัลย์และนายจาตุรงค์ กล่าวถึงเป็นตนเอง ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้รับมอบอำนาจจากหลวงพี่น้องฝน ยื่นฟ้องเอาความผิดทั้งคู่ในข้อหาดูหมิ่น หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ที่ศาลจังหวัดนครปฐม หลังจากทั้งคู่ได้มีการไปออกสื่อรายการโทรทัศน์และโพสต์ข้อความถึงหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวว่า ใน การฟ้องร้องนายไพวัลย์ วรรณบุตร เมื่อวานนี้ทางศาลชั้นต้นท่านมองว่า การพูดแสดงความคิดเห็นในรายการนั้นเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ก็มีการยกฟ้องไปซึ่งก็ไม่มีปัญหาในเรื่องของศาลชั้นต้นเราก็ไม่มีปัญหาแต่ยังมีในชั้นศาลอุทธรณ์ซึ่งสามารถทำได้อีก แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เมื่อวานแล้วก็ตลอดทั้งคืน ซึ่งทั้งนายไพรวัลย์ วรรณบุตร และนายจาตุรงค์ จงอาษา มีการโพสต์ข้อมูลดี๊ด๊ากันใหญ่ ซึ่งมันยังไม่ถึงที่สุดและเราจะยื่นอุทธร์ ก็อย่าไปแสดงอาการกันจนเกินงาม
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวว่า โดยในส่วนของ นายจาตุรงค์ ได้แชร์ข่าวจากมติชน ก่อนซึ่งระบุว่า “ศาลยกฟ้อง แพรี่ จาตุรงค์ หนุ่มกรรชัย หมิ่นหลวงพี่น้ำฝน เป็นพระสายไสยศาสตร์” อันนี้ผิด ไม่เป็นความจริง คือไม่มีคำว่าไสยศาสตร์ ไม่จริงและระบุว่าศาลยกฟ้องนายกรรชัย ก็ไม่จริง ซึ่งในการฟ้องร้องตั้งแต่แรกได้ฟ้องร้อยนายกรรชัยกับพวกรวม 10 คน แต่ได้มีการเข้ามาขอขมาไปก่อนหน้านั้นแล้วก็เหลือเพียงแค่นายไพรวัลย์กับนายจาตุรค์ เท่านั้นเองและอีกสำนักคือ เดลินิวส์ ซึ่งการระบุการยกฟ้อง ก็นำเสนอผิดเช่นกัน
“โดยนายจาตุรงค์ คือนายเจ้าประจำได้โพสต์ทำนองว่า ผมในฐานะทนายความฟ้องคดีชนะไม่มีมีแต่แพ้กับถอนฟ้องให้ชื่อเสียงกูป่นปี้ ไอ้ทนายเปรียญ 3 หมายถึงผม นายจาตุรงค์ จงอาษา เอาข้อมูลนี้มาจากไหน รู้จักผมดีแค่ไหน ผมจะบอกให้นายจาตุรงค์ เนี่ยเป็นจำเลยผม ผมฟ้องอีกเคสกรณีเดียวกันศาลมีคำสั่งว่าคดีมีมูล นัดสอบคำให้การนายจาตุรงค์วันที่ 15 มกราคม 67 ต้องไปประกันตัวอย่าทำเป็นปากดี ซึ่งทุกครั้งที่มีปัญหากับผมกับหลวงพี่น้ำฝน ก็จะโพสต์ในลักษณะนี้ และมีการฟ้องร้องไป และคราวนี้เอาอีกแล้ว แต่ผมจะฟ้องด้วยคดีส่วนตัวไม่เกี่ยวกับหลวงพี่น้ำฝนแล้ว และทำมาหลายครั้งแล้ว คราวนี้ชัดเจนและฝากถึงสื่อมวลชนที่จะนำเสนอข่าวควรสอบถามแหล่งข่าวไม่ใช่มาจั่วหัวมั่วแบบนี้” นายศุภภัทร์พจน์ กล่าว
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวปิดท้ายว่า นายไพรวัลย์ ต้องไปปรึกษาทนายความว่าคดียังไม่ถึงที่สุดยังมีกระบวนการต่อไปอีกในชั้นอุทธรณ์ คุณอย่ากระดี๊กะด๊าไป คุณยังต้องนอนไม่หลับไปถึงชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลท่านว่าอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น และเห็นทั้ง 2 คนพอโดนฟ้องช่วงพิจารณา เงียบกริบแต่พอได้เปรียบก็จะออกมาโพสต์แบบนี้ทุกครั้ง ซึ่งขอฝากทั้ง 2 คนนี้ว่าโพสต์อีกอย่าหยุดนะครับ ถ้าเข้าข่ายหมิ่นประมาทเมื่อไหร่ของฟ้องเมื่อนั้น