ม.รังสิตจับมือ เอสพี กรุ๊ป ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานอัจฉริยะสู่มหาวิทยาลัยสีเขียว
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 15 พ.ย.2566 ที่มหาวิทยาลัยรังสิต รศ.ดร.ธรรมศักดิ์ รุจิระยรรยง ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายอาคารและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมนายแบรนดอน เจีย กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลียของเอสพี กรุ๊ป และอาจารย์มหาวิทยาลัยรังสิต ได้เปิดโครงการ “RSU X SP GROUP GO GREEN” โดยการนำโซลูชันพลังานแบบบูรณาการที่ยั่งยืนมาปรับใช้ให้ครอบคลุมทั้งมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยรังสิต เดินหน้าเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่มหาวิทยาลัยสีเขียวสร้างความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยได้ร่วมมือกับ เอสพี กรุ๊ปกลุ่มสาธารณูปโภคชั้นนำและผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานที่ยั่งยืนในสิงคโปร์และเอเชียแปซิฟิก ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานอัจฉริยะสู่มหาวิทยาลัยสีเขียว สู่โครงการ “RSU X SP GROUP GO GREEN” โดยการนำโซลูชันพลังานแบบบูรณาการที่ยั่งยืนมาปรับใช้ให้ครอบคลุมทั้งมหาวิทยาลัย ซึ่งประกอบไปด้วยการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (PV) พร้อมระบบการจัดการและจัดเก็บพลังงานแบบรวมศูนย์ รวมทั้งโซลูชัน GETTM (Green Energy Tech) ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะสำหรับอาคาร ช่วยให้การใช้พลังงานของอาคารเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้อาคาร โดยหากมหาวิทยาลัยดำเนินการติดตั้งแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2567 โซลูชันเหล่านี้จะช่วยให้มหาวิทยาลัยมีสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด ถึงร้อยละ 21 ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ 1,400 ตันต่อปี
รศ.ดร.ธรรมศักดิ์ รุจิระยรรยง ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายอาคารและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่มหาวิทยาลัยต้องเร่งยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานของอาคารและพัฒนาเป้าหมายเพื่อความยั่งยืน เพื่อมุ่งมั่นสนับสนุนเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย จากวิสัยทัศน์ ดร.อรรถวิท อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ที่คำนึงถึงความสำคัญในการอนุรักษ์พลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคเปลี่ยนผ่านพลังงานที่หลายประเทศทั่วโลกร่วมมือกันหันมาใช้พลังงานสะอาด (Energy Transformation) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก มหาวิทยาลัยรังสิตจึงได้พิจารณาคัดเลือก บริษัท สิงคโปร์ เพาวเวอร์ เอนเนอร์จี (ประเทศไทย) จำกัด (เอสพี กรุ๊ป) จากผลงานที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงแนวคิดและความมุ่งมั่นรวมถึงโซลูชันที่ครอบคลุมของบริษัท จึงเชื่อว่าความสำเร็จในการนำโซลูชันพลังงานแบบบูรณาการของเอสพี กรุ๊ป มาปรับใช้ที่มหาวิทยาลัยรังสิตจะช่วยเป็นต้นแบบให้สถาบันการศึกษาอื่น ๆ สามารถนำไปปฏิบัติตามได้ โดยมหาวิทยาลัยรังสิตมีจุดมุ่งหมายในการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงการพัฒนาแบบยั่งยืนที่มีเป้าหมายเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอนและบรรลุเป้าหมายสูงสุดคือปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในที่สุด”
นายแบรนดอน เจีย กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลียของเอสพี กรุ๊ป กล่าวว่า “อาคารต่างๆ อาทิ อาคารสำนักงาน โรงงาน โรงพยาบาล และ มหาวิทยาลัย ล้วนมีความต้องการด้านการดำเนินงานและด้านพลังงานที่แตกต่าง ความเชี่ยวชาญของเราในการส่งมอบบริการด้านพลังงานแบบบูรณาการที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนและสามารถกำหนดเองได้จะช่วยให้อาคารต่าง ๆ ได้รับประโยชน์สูงสุดจากแหล่งพลังงานที่หลากหลาย ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดและช่วยให้บรรลุผลประโยชน์ทางสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วย ดังนั้นในความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยรังสิตเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยสามารถมุ่งสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน พร้อมมุ่งหวังที่จะได้ร่วมมือกันพัฒนาในด้านอื่น ๆ เพื่อช่วยขับเคลื่อนการลดปริมาณคาร์บอนในสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นได้ของประเทศไทย”
ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมดังกล่าว บริษัท สิงคโปร์ เพาวเวอร์ เอนเนอร์จี (ประเทศไทย) จำกัด (เอสพี กรุ๊ป) และ มหาวิทยาลัยรังสิต ยังได้ร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับใช้โซลูชันพลังงานแบบบูรณาการที่ยั่งยืนให้มากขึ้นทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ซึ่งรวมถึงระบบการทำความเย็นแบบศูนย์รวม (District Cooling) เพื่อให้ระบบปรับอากาศสามารถประหยัดพลังงานมากขึ้น การเพิ่มพื้นที่การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์และระบบกักเก็บพลังงาน รวมทั้งต่อยอดการปรับใช้ชุดระบบการจัดการพลังงานแบบดิจิทัลอัจฉริยะของ GETTM ซึ่งใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการดำเนินการอย่างยั่งยืน ร่วมถึงยกระดับประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้อาคาร
ภายใต้โครงการดังกล่าวนี้ เอสพี กรุ๊ป จะติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ (PV) บนหลังคาขนาด 2 เมกะวัตต์ (MWp) บนอาคารจำนวน 9 หลัง และติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำ บริเวณสระน้ำ อาคารหอสมุด (อาคาร 7) รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทั่วทุกอาคารของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังมีการวางแผนติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานซึ่งช่วยให้สามารถจ่ายพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้ตามความต้องการ โดยคาดว่าระบบโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งเพิ่มจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 2,749 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อ ปี เมื่อดำเนินการติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ อาคารที่ตั้งของสำนักงานอาคารและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยรังสิต (อาคาร 13) จะเป็นอาคารต้นแบบที่ถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ 100 เปอร์เซ็นต์ และจะเป็นอาคารแห่งแรกของสถาบันการศึกษาในประเทศไทยที่ได้รับสถานะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
นอกจากนี้ เอสพี กรุ๊ป ยังนำระบบ GET TM Control ซึ่งเป็นระบบร่วมศึกษาควบคุมคุณภาพสภาพแวดล้อมในอาคารอัจฉริยะมาใช้ศึกษาประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศในอาคารให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งอาคารนำร่อง ได้แก่ พื้นที่ชั้น 2 อาคาร 12/1 และพื้นที่ชั้น 10 อาคาร 11 โดยใช้ระยะเวลาทดลองและสำรวจประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานให้ได้ร้อยละ 40 และยกระดับความสะดวกสบายให้ผู้อาศัยในอาคารได้ร้อยละ 14 โดยโซลูชันดังกล่าวได้ผสานความสามารถของ AI และ IoT เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและควบคุมเครื่องปรับอากาศผ่านการคำนวณจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ จำนวนผู้ใช้อาคารและสภาพแวดล้อมโดยรอบ เพื่อปรับปรุงการไหลเวียนของอากาศให้เหมาะสมและกระจายความเย็นทั่วทั้งพื้นที่ ทั้งนี้ โครงการ “RSU X SP GROUP GO GREEN” จะเป็นหนึ่งโครงการสำคัญที่มหาวิทยาลัยรังสิตมุ่งมั่นและตั้งใจขับเคลื่อนเพื่อการเปลี่ยนผ่านพลังงานอัจฉริยะสู่มหาวิทยาลัยสีเขียวต่อไปในอนาคต