สุพรรณบุรี. ทางหลวงศรีประจันต์จับหนุ่มแท็กซี่ใช้แอฟซีโร่ติดต่อขนต่างด้าวหัวละ1500อ้างเงินไม่พอใช้
ตำรวจทางหลวงศรีประจันต์ ออกตรวจพื้นที่พบรถเก๋งคัมรี่ ทะเบียนผิดสังเกตเรียกตรวจค้นอึ้งเจอแรงงานต่างด้าวเป็นหญิงอายุ ตั้งแต่ 14 ปีถึง 30 ปีเต็มคัน 6 คนรับว่าขนแรงงานต่างด้าวผ่านแอพซีโร่ ของแท็กซี่ ขนต่างด้าวจาก อำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก ไปส่งกรุงเทพ และสมุทรปราการ ได้ค่าหัวคนละ 1,500 บาท อ้างขับแท็กซี่รายได้ไม่พอใช้
ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ขณะที่ดาบตำรวจสุทัศน์ ทองไทย หัวหน้าหน่วยบริการตำรวจทางหลวงศรีประจันต์ นำกำลังออกตรวจพื้นที่ไปตามถนนสาย 340 ศรีประจันต์ – มุ่งหน้าเข้าสุพรรณบุรี ถึงบริเวณใกล้สี่แยกไฟแดง บ้านไร่ ตำบลวังน้ำซับ อำเภอศรีประจันต์ พบรถเก๋งต้องสงสัย เพราะป้ายทะเบียนท้ายเขียนด้วยปากกาเมจิก จึงส่งสัญญาณ ให้จอดพร้อมประสานขอสัญญาณไฟแดงทำให้รถคันหน้าจอดขวาง รถเก๋งคันดังกล่าวจึงหนีไม่ได้ เจ้าหน้าที่จึงให้คนขับนำรถเข้าจอดข้างทางและทำการตรวจสอบทราบว่าคนขับชื่อนายภราดร ปุกคำ อายุ 46 ปีอยู่บ้านเลขที่ 337 หมู่ 6 ตำบลหย่วน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ที่เบาะหน้าและเบาะหลังพบผู้โดยสารเป็นหญิงชาวเมียนมาร์ อายุ ระหว่าง 14- 40 ปีทั้งหมดรวม 6 คน ที่ฝากระโปรงท้ายมีกระเป๋าเสื้อผ้า 6 ใบเจ้าหน้าที่จึงคุมตัวทั้งหมดไปที่หน่วยบริการตำรวจทางหลวง พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสุพรรณบุรี มาร่วมสอบปากคำ
จากการสอบสวนนายภราดร ปุกคำ อายุ 46 ปีคนขับให้การว่าตนประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่รับจ้างแต่เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ได้ทำให้รายได้ไม่พอใช้จ่าย จึงหันไปรับจ้างขนแรงงานต่างด้าว โดยใช้แอพซีโร่ ที่ใช้กับรถแท็กซี่ ติดต่อลูกค้า หลังได้รับการติดต่อผ่านทางแอพ แล้วได้ตกลงราคา ตนได้รับหัวละ 1,500 บาทโดยต้นทางให้ไปรับกลุ่มแรงงานต่างด้าวในพื้นที่อำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก ไปส่งปลายทางที่กรุงเทพ ส่วนแรงงานต่างด้าว จะเสียค่าหัวให้นายหน้าที่อยู่ฝั่งพม่าหัวละ 15,000 – 20,000 บาท ตนทำมาแล้ว 2 ครั้งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ปกติจะใช้เส้นทางสายเอเชีย แต่ครั้งนี้เปลี่ยนมาใช้เส้นทางสาย 340 ตนไม่รู้เส้นทาง ใช้ จีพีเอส นำทาง ครั้งแรกก็มาถูกจับ ซึ่งตนเคยถูกจับข้อหาลักลอบขนแรงงานต่างด้าวมาแล้วเมื่อประมาณ 2 ปีแต่เนื่องจากงานรับจ้างขนต่างด้าวรายได้ดีจึงหันกลับมาทำต่ออีกและก็มาถูกจับอีก
ดาบตำรวจสุทัศน์ ทองไทย หัวหน้าหน่วยบริการตำรวจทางหลวงศรีประจันต์ เปิดเผยว่าขณะที่ตนได้นำกำลังออกตรวจพื้นที่ตามปกติ มาถึงก่อนสี่แยกไฟแดงบ้านไร่ อำเภอศรีประจันต์ ขาเข้าสุพรรณบุรี ได้พบรถเก๋งคัมรี่ต้องสงสัยเนื่องจากไม่ติดป้ายทะเบียนท้ายแผ่นจริง จึงส่งสัญาญาณให้คนขับจอดรถเพื่อขอตรวจค้นพร้อมกันนี้ก็ประสาน สภ.ศรีประจันต์ เพื่อขอสัญญาณไปแดง ทำให้รถเก๋งต้องสงสัยไม่สามารถหลบหนีได้จึงทำการตรวจค้น ก็พบผู้ต้องหาเป็นแรงงานต่างด้าวหญิงทั้งหมดเป็นชาวเมียนมาร์รวม 6 คน จากการสอบสวนคนร้ายให้การว่ารับต่างด้าวมาจากอำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก ได้ค่าจ้างหัวละ 1,500 บาท ติดต่อผ่านทางแอพซีโร่ ที่แท็กซี่ใช้กัน ซึ่งผู้โดยสาร 5 คนจะไปส่งบริเวณสะพานใหม่ดอนเมือง และอีก 1 คนจะไปส่งที่สมุทรปราการ
โดยปกติแก๊งลักลอบขนแรงงานต่างด้าวจะใช้เส้นทางสายเอเชีย แต่เจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขันจับกุม จึงหันมาใช้เส้นทางสาย 340 สุพรรณบุรี – บางบัวทอง และสาย 333 บ้านไร่ – ด่านช้าง – อู่ทอง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้รับคำสั่งผู้บังคับบัญชา ให้เข้มงวดกวดขับจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวทุกเส้นทาง ทำให้สามารถจับกุมได้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าเส้นทางไหนก็หนีไม่รอด ครั้งนี้ทารบว่าแก๊งลักลอบขนแรงงานต่างด้าว ได้ใช้รถ 2 คันคันแรกที่ถูกจับ ขนมา 6 คนคันที่ 2 ขนมา 3 คนแต่หลบหนีไปได้ จากการตรวจสอบโทรศัพท์ของผู้ต้องหาพบหลักฐานการโอนเงินค่าจ้างหลายครั้ง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนขยายผลจับกุมขบวนการที่เหลือมาดำเนินคดีต่อไป
มีเสียงนายภราดร ปุกคำ อายุ 46 ปี ผู้ต้องหากับ ดาบตำรวจสุทัศน์ ทองไทย หัวหน้าหน่วยบริการตำรวจทางหลวงศรีประจันต์ ครับ
ภัทรพล พรมพัก สุพรรณบุรี