มองหมาแมวจร สะท้อนสำนึกคน
เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน ถ้าใครถามว่า อะไรเอ่ย อยู่ในวัดมากที่สุด ถ้าตอบว่า พระสงฆ์องค์เณร หรือเด็กวัด นี่ถือว่าตอบผิดนะ ที่อยู่ในวัดมากที่สุดน่ะไม่ใช่พระ ไม่ใช่เณร แล้วก็ไม่ใช่เด็กวัดด้วย
แล้วมันอะไรล่ะ
“หมาจร แมวจร” อย่างไรล่ะโยม
บางวัดนี่อยู่กันเป็นฝูง สภาพหมาแมวก็ดีบ้าง ขี้เรื้อนหนังกลับบ้าง ตัวเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เชื่องบ้าง ดุบ้าง ต่างกันไป จนกลายเป็นภาพปกติของหลาย ๆ วัด ก็ได้พึ่งใบบุญหลวงตาหลวงพ่อหลวงพี่ให้ข้าวให้น้ำ ให้ที่อยู่อาศัยกันจนตายไปข้างหนึ่ง ถ้าไม่ได้ทำหมันก็ออกลูกออกหลานเพิ่ม สืบวงศ์ตระกูลหมาแมวคู่วัดต่อไปอีก
ที่จริงพระสงฆ์องคเจ้าก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับหมาแมวจรแต่แรก เพราะวัดนี่เป็นเขตอภัยทานอยู่แล้ว พระสงฆ์เราก็มีเมตตากรุณาต่อสัตว์โลก แต่การที่มีหมามีแมวจรเต็มวัดเนี่ย หนึ่ง มันเสียศรัทธาญาติโยม เพราะญาติโยมก้าวเท้าเข้าวัดมาปุ๊บ กลิ่นขี้หมาขี้แมว มีหมาแมววิ่งไปมาเต็มไปหมด สอง คือแถมบางตัวก็ดุ วิ่งไล่กัดอีกต่างหาก วัดก็ต้องเสียเงินเสียทองชดใช้ค่าเสียหายอีก เป็นสิ่งที่ทำให้วัดดูไม่เจริญหูเจริญตา ไม่น่าเข้ามา ก่อให้เกิดความรำคาญ รำคาญมากไปทีนี้ สาม จากที่พระสงฆ์จะไม่เดือดร้อน ก็กลายเป็นเดือดร้อนไปอีกเพราะหมาจรแมวจรอาจไปรบกวนศาสนกิจ หรือความเป็นอยู่ สุขอนามัยของพระในวัด
ถามว่าหมาจรแมวจรมันมาจากไหน มันก็ต้องมาจากคนเอามาปล่อยนั่นแหละ จริง ๆ ก็ถือว่ายังดีที่ไม่ปล่อยหมาแมวที่อื่นให้มันตกระกำลำบาก เช่นไปปล่อยข้างถนนหรือว่าที่รกร้างเปล่าเปลี่ยว เพราะยังไงเสียหมาแมวอยู่วัดมันก็ยังมีข้าวกิน มีที่ให้ซุกหัวนอน บางคนก็ปล่อยด้วยความจำเป็น เช่น ย้ายบ้าน ย้ายเข้าหอพักแล้วเอาน้องหมาน้องแมวไปด้วยไม่ได้ คนในบ้านอยู่กับน้องหมาน้องแมวของเราไม่ได้ อาจจะมีคนเป็นภูมิแพ้ขนสัตว์อย่างรุนแรง หรือสู้ภาระการเลี้ยงดูหมาแมวไม่ได้ พอเกิดเหตุแบบนี้ไม่รู้จะหันหน้าเอาหมาแมวไปพึ่งใครก็เอามาปล่อยวัด แต่บางกรณีนั้นมันน่าเศร้า เช่น เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวตอนเล็ก ๆ มันก็น่ารัก แต่พอตอนโตไอ้ความน่ารักมันหายไป ความรักความเสน่หาต่อมันก็เหือดหายไปมีแต่ความรำคาญ สุดท้ายปล่อยวัดซะ หรือจู่ๆ หมาแมวมีลูกขึ้นมา แล้วหมาแมวเวลาออกลูกทีออกเป็นครอก ออกเยอะ เลี้ยงไม่ไหวแน่ ๆ ปล่อยวัดดีกว่า
แต่จะปล่อยด้วยเหตุอันใดก็ตาม ก็น่าสงสารน้องหมาน้องแมวนะ เพราะหมาแมวเนี่ย พอมันจำได้ว่าใครเป็นเจ้าของ เป็นเจ้านาย (หรือเป็นทาส) มันก็จะจำอยู่แบบนั้น ถือว่าเจ้านาย (หรือทาส) ของตนคือโลกทั้งใบของเขา มันอยู่วัดมันก็รอเจ้านายนั่นแหละ แม้ว่าเจ้านายของมันจะไม่คิดรับมันกลับไปอยู่ด้วยก็ตาม แต่อย่างที่ว่าคือบางกรณีมันก็น่าเห็นใจกันทั้งสองฝ่าย
ทีนี้ เอาหมาเอาแมวไปปล่อยวัดเนี่ย บาปไหม อาตมาก็ตอบว่า ขึ้นกับการกระทำของเรานั่นแหละ อันนี้คือในกรณีที่เราจำเป็นต้องปล่อยนะ มีเหตุให้ไม่สามารถเลี้ยงได้ ไม่ใช่เอาไปปล่อยเพราะมีจิตรังเกียจ อันนั้นล่ะบาปเต็มประตู ทีนี้ถ้าปล่อยด้วยเหตุจำเป็นอันมิอาจเลี่ยงได้ ถ้ามาปล่อยโดยบอกกล่าวสักนิดว่าอาตมาจะขอนำหมา นำแมวมาไว้ที่วัด อย่างนี้จะดีกว่า เพราะอย่างน้อยทางวัดก็จะได้รับรู้ และช่วยดูแลให้ตามสมควร เพื่อว่าหากมีผู้ใดที่อยากรับหมาแมวไปอุปการะเลี้ยงดู มาหาน้อง ๆ ตามวัด ทางวัดก็จะได้แนะนำหาเจ้านาย หรือหาทาสคนใหม่ให้ น้องหมาน้องแมวจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น อาตมาเชื่อว่าหลาย ๆ วัดพร้อมจะรับน้อง ๆ เอาไว้ เพราะอย่างน้อยก็ยังดีกว่าให้น้องต้องเผชิญชะตากรรมข้างนอกที่อันตราย
แต่ถ้าจู่ ๆ เอาไปปล่อยเลย อาตมาคิดว่าเหมือนโยนภาระให้วัดเกินไป วัดน่ะเป็นทุกอย่างของชุมชนก็จริง แต่บางทีอาตมาในฐานะพระและเจ้าอาวาสก็คิดนะว่าอะไรที่คนไม่ต้องการ มันเอามาทิ้งวัดหมดเลย ตัดเคราะห์ตัดกรรมก็ทิ้งวัด พระพุทธรูปแตกหักก็ทิ้งวัด หมาแมวไม่เลี้ยงแล้วก็ทิ้งวัด อาตมาเลยเห็นว่าไม่อยากให้ใครไปทำแบบนั้นกับวัดไหน ถ้าจะฝากหมาฝากแมวก็ขอให้บอกกันบ้าง อย่างน้อยก็ให้น้องได้รับความปลอดภัยตามสมควร วัดเป็นเขตอภัยทานอยู่แล้ว ใครจะมาทำร้ายทำอะไรน้องนี่ถือเป็นบาปหนักอยู่แล้ว
สำหรับใครที่เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวกันอยู่แล้ว ก็ขอให้ทุกคนได้ระลึกไว้เสมอว่า หมาแมวก็มีชีวิต หมาแมวก็มีหัวใจ เมื่อเราเลือกที่จะเลี้ยงแล้ว ก็ขอให้ให้ความรักกับเขาให้เต็มที่ เพราะความรักของหมาของแมวเนี่ย มันไม่มีเรื่องสิ่งตอบแทนมาเป็นเงื่อนไข ถ้ามันตัดสินใจรักใครแล้ว มันก็รักไปตลอดชีวิตของมัน มันจำคนที่ให้เข้าให้น้ำ คนที่เล่นกับมัน อันนี้แหละ การเลี้ยงสัตว์ที่ช่วยเพิ่มพูนข้อธรรมในเรื่องความเมตตากรุณาแก่เราได้ ขอให้ผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงทุกคนมีเมตตากรุณาในหัวใจอยู่เสมอ ขอเจริญพร