พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้สำนักงานการวิจัยแห่งชาตินำไปทอดถวาย ณ พระนอนจักรสีห์วรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี
วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๓๐ น.
#พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานผ้าพระกฐินให้ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ตามที่ได้ขอพระราชทานเพื่อน้อมนำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมวชิระกวี เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรีเจ้าอาวาสวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร ครองกฐินพระราชทานในไตรมาสนี้
โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖ พร้อมด้วยส่วนราชการจังหวัดสิงห์บุรี คณะผู้บริหาร รวมทั้งพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมในพิธี
“ด้วยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานผ้าพระกฐินให้สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ น้อมนำไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร การถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ เพื่อเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ขอปวารณาถวายจตุปัจจัยถวายเป็นพระราชกุศล มียอดรวมจำนวนทั้งสิ้น ๑,๓๑๓๕๒๐ บาท (หนึ่งล้านสามแสนหนึ่งหมื่นสามพันห้าร้อยยี่สิบเก้าบาทถ้วน) อนุโมทนาบุญร่วมกับพี่น้องประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ที่ได้ร่วมทำบุญมหากุศลด้วยกันในครั้งนี้
“นับเป็นสรรพสิริมงคลต่อข้าราชการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติทุกคนที่ได้มีโอกาสอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานมาทอดถวายยัง วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร ทั้งนี้ เงินปัจจัยที่พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันทำบุญโดยเสด็จพระราชกุศลฯ ในวันนี้ ทางวัดจะนำไปสมทบทุนบูรณปฏิสังขรณ์ เพื่อให้พระภิกษุ สามเณร ได้ประกอบศาสนกิจและเผยแผ่พระธรรมคำสอนเป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวของพุทธศาสนิกชน และบุญกุศลในการถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ ขอน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์”
วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลจักรสีห์ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี โดยมีพระธรรมวชิรกวี เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี เป็นเจ้าอาวาส
วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหารสร้างตั้งแต่เมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน แต่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี โดยตามพงศาวดารระบุว่าในปี พ.ศ. ๒๒๙๗ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา ได้เสด็จมานมัสการและซ่อมแซมองค์พระ โดยได้สร้างพระวิหาร พระอุโบสถ และเสนาสนะต่าง ๆ ขึ้นใหม่ ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมานมัสการและทรงบูรณะปฏิสังขรปูชนียวัตถุต่าง ๆ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานที่สำคัญของชาติ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๘
อาคารเสนาสนะ ได้แก่ พระวิหารมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมัยอยุธยา ประดิษฐาน พระนอนจักรสีห์ เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่มาก มีความยาว ๑ เส้น ๓ วา ๒ ศอก ๑ คืบ ๗ นิ้ว หรือประมาณ ๔๖ เมตร สร้างเป็นแบบพระนอนอินเดีย เหมือนพระพุทธไสยาสน์ที่ถ้ำเมืองยะลา คือพระกรขวา ศอกยื่นไปทางด้านหน้า ไม่งอ พระกรตั้งขึ้นรับพระเศียรเหมือนพระนอนไทย ถือเป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย เมื่อคำนวณทางปริมาตรซึ่งองค์พระ ภายในพระวิหารยังมีพระกาฬ พระพุทธรูปศิลาลงรักปิดทอง และพระแก้ว พระหล่อนั่งขัดสมาธิเพชร สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งทั้งสององค์มีพุทธลักษณะงดงาม ในอดีตเคยใช้เป็นพระประทานในการถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการ บริเวณด้านหน้าวิหารมีต้นสาละลังกาใหญ่ ส่วนพระอุโบสถมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมัยรัตนโกสินทร์ เจดีย์มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมัยอยุธยา