กาญจนบุรี ททท. ชวนเที่ยวงานประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์งานบุญที่ยิ่งใหญ่ของชาวมอญสังขละบุรี ระหว่งวันที่ 28-30 กันยายน นี้ ซึ่งปีนี้จัดงานยิ่งใหญ่อลังการ
วันที่ 6 กันยายน 2566 ประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ วันที่ 28-30 กันยายน 2566 ททท.กาญจนบุรี อำเภอสังขละบุรี และคณะกรรมการวัดวังก์วิเวการาม จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว ประชาชนผู้สนใจ ร่วมงานประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ ของชาวมอญบ้านวังกะ ณ บริเวณลานหน้าเจดีย์พุทธคยา วัดวังก์วิเวการาม บ้านวังกะ หมู่ที่2 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
สำหรับประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ชาวไทยรามัญอำเภอสังขละบุรี จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ในช่วงวันขึ้น 14-15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการบูชาเทวดาที่อยู่ในน้ำ ในป่า และบนบก อีกทั้งเพื่อสืบสานประเพณีดั้งเดิมของกลุ่มชน ตลอดทั้งเป็นการเผยแพร่ประเพณีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ให้แก่ชุมชน ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้ศึกษาเรียนรู้
กิจกรรมในงานได้แก่ การเจริญพระพุทธมนต์โดยพระสงฆ์ทั้ง 3 วัน โดยจะมีการเตรียมงานดังนี้ก่อนถึงวันพิธี ชาวบ้านจะร่วมกันเตรียมทำธง,ร่ม และ จัดเครื่องบูชาเรือต่างๆ เพื่อถวายวัด โดยมีการแบ่งงานให้หัวหน้าคุ้มต่างๆ ในหมู่บ้าน รับไปให้ลูกบ้าน ช่วยกันทำแล้วนำมาส่งที่วัด ผู้ชายส่วนหนึ่งจะมารวมกันที่วัดวังก์วิเวการาม เพื่อสร้างเรือจากไม้ไผ่ ประดับตกแต่งด้วยกระดาษหลากสี ในยามหัวค่ำจนถึงเช้ามืดของวันขึ้น 15 ค่ำ ชาวบ้านจะทยอยพากันนำธงหลากสี ตุง ร่มกระดาษ มาประดับตกแต่งเรือ และบริเวณปะรำพิธีอย่างเนืองแน่น พร้อมนำเครื่องเซ่น ไหว้ เช่น กล้วย,อ้อย ขนม ข้าวสุก ดอกไม้ ไปวางไว้ในลำเรือ ก่อนจะจุดเทียนอธิษฐานให้สิ่งไม่ดี และเคราะห์ร้ายต่างๆ ไปให้พ้นจากชีวิตตน และรับฟังบทสวดอิติปิโส 108 จบ และ บทสวดสะเดาะเคราะห์จากภิกษุสงฆ์
เมื่อถึงเช้าวันแรม 1 ค่ำ ชาวบ้านก็มารวมตัวกันตั้งเป็นขบวนแห่ มี ปล่อยโคมลอยเล็กใหญ่ที่ช่วยกันทำขึ้นมา ประกอบการร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนาน จากนั้นชาวบ้านทั้งหมดจะช่วยกันลากเรือไปปล่อยกลางน้ำบริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำสามสาย ได้แก่ ซองกาเลีย รันตี และบิคลี่ ที่เรียกกันว่า “สามสบ” หรือ “สามประสบ” นั่นเอง
สำหรับประวัติความเป็นมาของประเพณี”ลอยเรือสะเดาะเคราะห์”ของคนมอญ บ้านวังกะ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี นั้นว่ากันว่า เกิดขึ้นเมื่อครั้งพระเจ้าธรรมเจดีย์ กษัตริย์มอญขึ้นครองราชย์ปกครองอาณาจักรมอญ เมืองหงสาวดี พระองค์ทรงเห็นพระภิกษุสามเณรในเมืองมอญหงสาวดี มีความประพฤติย่อหย่อนต่อพระธรรมวินัย พระพุทธศาสนาในเมืองมอญเกิดมลทินด่างพร้อยมากมาย จึงมีพระราชประสงค์จะสังคายนาพระพุทธศาสนาในเมืองมอญเสียใหม่ เพื่อชำระหมู่พระภิกษุสงฆ์ให้มีความบริสุทธิ์
พระองค์จึงมีพระราชโองการรับสั่งให้พระภิกษุสามเณรในเมืองมอญลาสิกขาเสียทั้งหมด แล้วทรงส่งปะขาวถือศีล 8 คณะหนึ่งซึ่งก็คือ อดีตพระเถระผู้ทรงพระไตรปิฎก ทรงความรู้ตั้งมั่นในศีล ที่พระองค์มีคำสั่งให้ลาสิกขามาถือศีล 8 เป็นปะขาวนั่นเอง ให้ออกเดินทางไปยังประเทศศรีลังกา เพื่อให้ไปถือการอุปสมบทเป็นพระภิกษุมาใหม่ จากคณะสงฆ์ในประเทศศรีลังกา เสร็จแล้วให้เดินทางกลับมาเป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ บวชให้แก่คนมอญในเมืองมอญเสียใหม่
คณะของปะขาวนี้ เมื่อเดินทางถึงประเทศศรีลังกา จึงได้รับการอุปสมบทเป็นที่เรียบร้อยตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าธรรมเจดีย์ หลังจากนั้นจึงได้เดินทางกลับเมืองหงสาวดีโดยเรือสำเภา
ในระหว่างทางที่เดินทางกลับนั้น เรือสำเภาหนึ่งในจำนวนสองลำโดนพายุที่รุนแรงพัดจนหลงทิศไป จึงมีเพียงเรือสำเนาลำเดียวเท่านั้นที่เดินทางมาถึงเมืองหงสาวดีโดยปลอดภัย เมื่อทราบถึงพระกรรณของพระเจ้าธรรมเจดีย์ พระองค์จึงรับสั่งให้ทำเรือจำลองขึ้นมา ข้างในบรรจุด้วยของเซ่นไหว้บูชาเหล่าเทวดาทุกหมู่เหล่า ด้วยเครื่องเซ่นไหว้นั้น ให้เหล่าเทวดาทั้งหลาย ที่ดูแลพื้นดินก็ดี ที่ดูแลพื้นน้ำก็ดี ที่ดูแลพื้นอากาศก็ดี ได้มาช่วยปัดเป่าให้เรือสำเภาที่หลงทิศไปนั้น ได้เดินทางกลับมายังกรุงหงสาวดีโดยปลอดภัยหลังจากที่พระองค์ทรงทำพิธีสะเดาะเคราะห์แล้วไม่กี่วัน เรือที่หลงทิศนั้นก็เดินทางกลับมาถึงเมืองหงสาวดีโดยปลอดภัย
จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นชาวมอญจึงถือเอาเหตุการณ์นี้ทำพิธีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ในช่วงกลางเดือน 10 ของทุก ๆ ปี สืบต่อกันมาตราบจนปัจจุบันนี้
เกษร เสมจันทร์ กาญจนบุรี