ประจวบคีรีขันธ์ กฟผ.ผนึกเครือข่าย ร่วมฟื้นทะเลไทยด้วยปะการังจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าแรงสูง

กฟผ. ผนึกเครือข่าย ร่วมฟื้นทะเลไทยผ่านโครงการบ้านปลาปะการังจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าแรงสูง
วันที่ 12 มิ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจภารกิจรักษาความมั่นคงระบบส่งไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมจัดกิจกรรมอนุรักษ์ทะเลประจวบคีรีขันธ์ บริเวณเกาะทะลุ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในพื้นที่โครงการวางบ้านปลาปะการังจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าของ กฟผ. เพื่อช่วยฟื้นฟูและสร้างความหลากหลายทางชีวภาพให้แก่ระบบนิเวศทางทะเลของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายสามารถ ทองสาย ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเขตนครหลวง – 2 กฟผ. นายปรีดา เจริญพักตร์ ประธานมูลนิธิฟื้นฟูทะเลสยาม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เครือข่ายสื่อมวลชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นักประดาน้ำจิตอาสา กฟผ. นักดำน้ำจิตอาสากลุ่ม Save The Planet Associate (SPA) ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว คณะผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. เข้าร่วมกิจกรรม


นายสามารถ ทองสาย ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเขตนครหลวง – 2 กฟผ. เปิดเผยว่า กฟผ. นอกจากมีภารกิจหลักในการผลิตและส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าแล้ว กฟผ. ยังดำเนินโครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ที่สำคัญ คือ โครงการวางบ้านปลาปะการังจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้า ซึ่ง กฟผ. ร่วมกับ ทช. กองทัพเรือ และเครือข่ายพันธมิตร ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2554 มาจนถึงปัจจุบัน โดยนำบ้านปลาปะการังจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุปกรณ์ระบบส่งไฟฟ้าที่หมดอายุการใช้งานและเสื่อมสภาพแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ทำมาจากวัสดุที่มีส่วนประกอบของเซรามิกที่มีความสอดคล้องกับโครงสร้างหินปูนที่เกิดจากการสร้างตัวของปะการัง โดยผลการศึกษาผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางทะเลของมหาวิทยาลัยนเรศวร พบว่า โครงสร้างของลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้า ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม และจากผลการวิจัย “โครงการทดสอบลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าภายใต้สภาวะจำลองสภาพแวดล้อมทางทะเล” ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ พบว่า ลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าไม่ส่งผลเสียต่อคุณภาพน้ำทะเลเพื่อการอนุรักษ์แหล่งปะการัง และไม่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศหรือสิ่งแวดล้อมทางทะเลแต่อย่างใด


ที่ผ่านมา กฟผ. ได้นำบ้านปลาฯ ไปวางไว้ใต้ท้องทะเลไทยในพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี สงขลา ปัตตานี นราธิวาส พังงา และภูเก็ต เพื่อช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศและอนุรักษ์ท้องทะเลไทยให้มีความอุดมสมบูรณ์และสร้างความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตามหลัก Circular Economy หรือระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า นำทรัพยากรหรือวัสดุกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งตอบสนองนโยบายของประเทศในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) อย่างยั่งยืนอีกด้วย
//////////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงาน 0649646443