หมอเดว ชี้สังคมวิกฤติ เร่งรวมทีมสร้างมาตรฐานคุณธรรม ร่วมกับ สมอ. สภา การแพทย์แผนไทย และภาคีเครือข่าย เปิดพื้นที่ต้นแบบเทศบาลนครรังสิต
….
วันที่ 21 เมษายน 2566 ณ อาคารสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดย รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อํานวยการศูนย์ คุณธรรม ได้เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริมและพัฒนาด้านการมาตรฐานและการให้รับรอง มาตรฐานการแพทย์แผนไทย โดย สภาการแพทย์แผนไทย ได้ร่วมกับ สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ มูลนิธิรวมพัฒน์ และ เทศบาลนครรังสิต เพื่อสร้างมาตรฐาน การแพทย์แผนไทย ทั้งในเรื่องเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์แผนไทย การนวดไทย การบําบัดรักษาด้วยสมุนไพร เช่น ขมิ้นชัน ฟ้า ทะลายโจร กัญชา กระท่อม ตลอดจนกรรมวิธีการแพทย์แผนไทยต่างๆ ทั้งที่สืบทอดมาจากอดีต และที่จะพัฒนาต่อยอด ประยุกต์เข้ากับเทคโนโลยีในปัจจุบัน เพื่อรองรับความต้องการในอนาคต รวมไปถึงมาตรฐานคุณธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพและ ให้บริการด้านการแพทย์แผนไทย โดยมีพื้นที่เทศบาลนครรังสิตเป็นต้นแบบมาตรฐานสถานพยาบาลบูรณาการแพทย์แผนไทย เพื่อการให้บริการดูแลสุขภาพพร้อมสร้างเศรษฐกิจด้วยการแพทย์แผนไทยประจําชุมชนต่อไป
โดย รศ.นพ. สุริยเดว ผู้อํานวยการศูนย์คุณธรรม กล่าวว่า “คุณะ คือการทําให้ดีขึ้น ธรรมะ คือสภาวะ ดังนั้น คุณธรรม คือ สภาวะการทําให้ให้ดีขึ้น วันนี้การที่เรามาร่วมมือกันสร้างมาตรฐานคุณธรรม ร่วมกับ สํานักมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สภาการแพทย์แผนไทย และหน่วยงานภาคีเครือข่าย โดยที่จะมี เทศบาลนครรังสิต เป็นพื้นที่ต้นแบบให้กับการเริ่มต้นของ มาตรฐานคุณธรรมด้านการแพทย์แผนไทย ย่อมจะทําให้การดูแลสุขภาพภายในชุมชนถูกทําให้ดีขึ้น การพัฒนาบุคลากรภายใน ชุมชนย่อมจะดีขึ้น รวมไปถึงการนําทรัพยากรในชุมชนมาใช้ประโยชน์ให้เกิดคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม ย่อมถูกทําให้ดีขึ้นตามไปด้วย ทุกอย่างภายในชุมชนจะถูกพัฒนาให้ดีขึ้นได้ โดยเครือข่ายการดูแลกันภายในชุมชน (Peer-To-Peer Caring) ภายใต้การ ดําเนินการส่งเสริมมาตรฐานคุณธรรมภายในชุมชนอนัจะทําให้ทุกคนในชุมชนตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วการพึ่งพากันทําให้เรามี ชีวิตที่ดีขึ้น และทําไมสังคมเราจึงต้องมีมาตรฐานคุณธรรม”
ทั้งนี้ ดร.ชนิญญา นายกสภาการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า “ปัจจุบัน ผู้ประกอบอาชีพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย อาทิเช่น อาชีพการนวดไทยสามารถสร้างรายได้ถึงวันละสองพันบาท อันเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง แม้กับบุคคลที่ไม่ได้เรียนจบ ปริญญาตรี อีกท้ังมีความต้องการอย่างมากในตลาดโลก แต่ยังขาดการพัฒนามาตรฐานเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบอาชีพอย่างจริงจัง และเป็นระบบ รวมไปถึงการสร้างการรับรู้และเข้าถึงการรักษาสิทธิในภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยของชาติ เช่น สิทธิในการรับ การรักษาโรค Office Syndrome ด้วยการประคบนวดไทย มูลค่าสูงสุดถึง 3,000 บาทต่อเดือนต่อคน หรือ คิดเป็น 250 บาท ต่อครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมงต่อวัน ไม่เกิน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยสามารถนําจุดนี้มาสร้างเป็นระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยเครือข่าย การดูแลกันภายในชุมชน ซึ่งสภาการแพทย์แผนไทยได้เปิดกว้างให้ประชาชนคนไทยที่อ่านออกเขียนได้เข้ารับการฝึกสอนอบรม และทดสอบเพื่อเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยเพื่อการสร้างรายได้และพึ่งพาตนเองได้ แม้ยังไม่จบปริญญาตรีก็ตาม”