หลวงพี่น้ำฝน บอกเมื่อคิดดีทำดีย่อมพบเจอกัลยาณมิตรในเส้นทางสายบุญ

กัลยาณมิตรในเส้นทางสายบุญ

เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน ตั้งแต่สมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูลยังมีชีวิตอยู่ พระเดชพระคุณท่านไม่นิยมชมชอบ ไม่สนับสนุนให้มีการเรี่ยไรอะไรญาติโยมเลย เวลาท่านดำริจะทำอะไร ท่านแค่บอกว่าท่านจะทำอะไร แค่คิด ปัจจัยเงินทองก็ไหลมาด้วยจิตศรัทธา เพราะเมื่อคนรู้ คนก็อยากร่วมบุญกับหลวงพ่อ และหลวงพ่อท่านก็ถือว่าตัวท่านเป็นแค่สะพานบุญที่นำพาบุญของแต่ละคนให้ไปถึงยังที่หมาย ด้วยเหตุนี้หลวงพ่อพูลจึงสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะการสร้างเสนาสนะต่าง ๆ วัตถุมงคล และการสาธารณสงเคราะห์ต่าง ๆ

พอมาถึงสมัยของอาตมา อาตมาก็ยึดถือหลักการนี้มาโดยตลอด เวลาอาตมาจะดำริทำอะไร อาตมาก็ไม่ได้เรี่ยไรผู้ใด แต่ผู้ที่รู้ว่าอาตมาจะทำอะไรก็จะเข้ามาร่วมแรงร่วมใจ แปลงพลังเป็นปัจจัย แปลงพลังเป็นความคิด จนเกิดเป็นสิ่งต่าง ๆ ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นได้เพราะ “กัลยาณมิตร”

เช่น เฮียเงี๊ยบ สมชาติ สาลีพัฒนา แห่งร้านลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบเจ้าดังเจ้าเก่าแก่ ก็ร่วมทั้งปัจจัย ร่วมทั้งงานมาโดยตลอดไม่เคยขาด นับได้ว่าเป็นกัลยาณมิตรในเส้นทางสายบุญ

อีกท่านหนึ่งที่อาตมาถือว่าเป็นกัลยาณมิตรในเส้นทางสายบุญของอาตมา คือ คุณโยมเบญจวรรณ ริทเธอร์ วิธีร่วมบุญก็ไม่ธรรมดา คือ คนละครึ่ง เวลามีกองบุญอะไรขึ้นมา โยมเบญจวรรณรับไปแล้วครึ่งหนึ่ง โดยไม่ต้องร้องขอ ไม่ต้องเรี่ยไรอะไรเลย อย่างครั้งหนึ่ง พระเดชพระคุณพระพรหมวัชรจริยาจารย์ วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร มีอายุวัฒนมงคลครบ 90 ปี อาตมากับโยมเบญจวรรณก็ร่วมกันถวายรถกอล์ฟไฟฟ้าแด่พระเดชพระคุณท่านไว้ใช้ในศาสนกิจภายในวัดต่อไป หรืออย่างเมื่ออาตมาจะจัดสร้างท้าวเวสสุวรรณ ท้าวกุเวรมหาราช ที่จะประดิษฐาน ณ สำนักปฏิบัติธรรมหลวงพ่อพูลโยมเบญจวรรณก็มาร่วมบุญด้วย การดำเนินงานจัดสร้างถาวรวัตถุ งานสาธารณกุศล เวลาอาตมาจะแจกทานแก่ชาวบ้าน โยมเบญจวรรณก็ขอร่วมเป็นเจ้าภาพเสมอ ถึงกับร่วมกับทีมของอาตมาไปแจกทานถึงในพื้นที่ เรียกได้ว่าโยมเบญจวรรณเป็นคนเต็มที่ มาทุกครั้ง มาทุกงาน พร้อมลุย ควรค่าแก่การเป็นกัลยาณมิตร ซึ่งโยมเบญจวรรณก็ปวารณาตนแล้วว่าเป็น “น้องสาวหลวงพี่น้ำฝน” ก็ถือว่าเป็นน้องสาวที่น่ารัก ใจบุญ และเป็นกำลังสำคัญของอาตมาเลยทีเดียว

ฉะนั้น โยมเบญจวรรณ น้องสาวทางธรรมของอาตมา รวมถึงคุณญาติคุณโยมที่มีส่วนร่วมในการบุญของวัดไผ่ล้อมนี้ เราถือว่า นอกจากเราจะเป็น พระอาจารย์ กับลูกศิษย์กันแล้ว เราก็ยังเป็นกัลยาณมิตรของกันและกันด้วย

กัลยาณมิตรนี้ไม่ใช่แค่มิตรธรรมดาแน่ ๆ เป็นมิตรที่พิเศษกว่าปกติ พระพุทธองค์ได้ทรงอธิบายไว้ว่าบุคคลที่เป็นกัลยาณมิตรจะต้องมีคุณสมบัติ 7 ประการ

ปิโย” คือ น่ารัก อยากอยู่ใกล้ ๆ ชวนให้เข้าหา อยู่แล้วสบายใจ อยู่แล้วสนิทสนม .

“ครุ” คือ น่าเคารพ น่านับถือ มีความหนักแน่น อยู่แล้วรู้สึกอุ่นใจ เป็นที่พึ่งได้ รู้สึกปลอดภัยไร้กังวล

ภาวนีโย” คือ น่ายกย่อง น่าสรรเสริญ มีคุณ อาจจะเป็นเรื่องความรู้ หรือความประพฤติปฏิบัติ รู้จักปรับปรุงตนเอง จึงเป็นที่น่ากล่าวถึงด้วยความภูมิใจ

วตฺตา จ” คือ เป็นที่ปรึกษาที่ดี สามารถกล่าวแนะนำ ให้คำตักเตือนได้

วจนกฺขโม” คือ พร้อมรับฟังคำแนะนำ คำตักเตือน อดทนฟังได้เสมอ ไม่ฉุนเฉียวโกรธเคือง

คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา” คือ สามารถอธิบายเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ทำเรื่องซับซ้อนให้เข้าใจได้

“โน จฏฺฐาเน นิโยชเย” ไม่ชักนำไปในทางที่ชั่ว ทางเสื่อมเสีย

กัลยาณมิตร ย่อมเป็นมิตรแท้ พระพุทธองค์ตรัสแก่สิงคาลกบุตร ว่ามิตรแท้นั้นมีอยู่สี่จำพวก ได้แก่ มิตรมีอุปการะ (เพื่อนเหมือนผู้ใหญ่) มิตรร่วมทุกข์ร่วมสุข (เพื่อนเหมือนญาติ) มิตรแนะประโยชน์ (เพื่อนเหมือนครู) และมิตรมีความรักใคร่ (เพื่อนเป็นมิตรสหาย)

อาตมามีความยินดีที่เราทุกคน ที่ได้เป็นมิตรร่วมสายบุญนั้น มีคุณสมบัติเหล่านี้ เราจึงได้ร่วมบุญกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อาตมาได้เอ่ยนามไปก็ดี ยังไม่ได้เอ่ยนามก็ดี หรือผู้อ่านทุกท่าน ทุกท่านล้วนเป็นกัลยาณมิตรของอาตมา

คนเราหนึ่งคน เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง ควรมีคนที่ควรเรียกได้ว่าเป็นกัลยาณมิตรไว้กับตัว จะเป็นพ่อแม่พี่น้อง ญาติสนิทมิตรสหาย ครูบาอาจารย์ สามีภรรยา คนรอบตัวเรา หาไว้อย่างน้อยสักคนจึงดี เพราะคนเหล่านี้จะเป็นที่พึ่งที่ระลึก เป็นผู้ชักนำไปในทางที่ถูก ป้องกันไม่ให้เราไปในทางที่ผิด แม้แต่พระภิกษุสงฆ์ ผู้มีชีวิตภิกขาจารสงบสันโดษ ยังควรต้องมีสหธรรมิก เป็นสหายธรรม แม้ไม่ได้พูดคุยเล่นหัวกันเพื่อความสนุกสนาน แต่ก็ยังพูดคุยกันในเรื่องธรรม เรื่องการปฏิบัติภาวนา ความก้าวหน้าทางธรรม คนแบบนี้แม้มีเพียงหนึ่งก็ถือว่าดีแล้ว มีมากมีน้อยไม่สำคัญ มีมิตรน้อยแต่มีคุณภาพ ก็ดีกว่ามีมิตรมากแต่เป็นมิตรปฏิรูป คือพวกมิตรเทียม มิตรไม่แท้ ประเภทคนปอกลอก คนดีแต่พูด คนหัวประจบ คนชักจูงไปในทางฉิบหาย ถ้ารอบตัวมีแต่เพื่อนแบบนี้ อย่ามีเสียดีกว่า

ก่อนจะจบเรื่องไป อาตมาขอประชาสัมพันธ์งานบุญของทางวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม โดยในวันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน 2566 มีงานใหญ่ถึงสามงาน จัดไล่เรียงกันในวันเดียว จึงนับเป็นวันมงคล วันฤกษ์งามยามดี มีสวัสดิมงคลถ้วนหน้า

เริ่มจากพิธีบวงสรวง ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวกุเวรมหาราช ไม้ตะเคียนพันปี สูง 4.7 เมตร ในเวลา 09.09 น. ณ สำนักปฏิบัติธรรมหลวงพ่อพูลลุ่มสุ่ม บ้านเสรีธรรม อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

จากนั้น เป็นพิธีทอดผ้าป่าสามัคคี สมทบทุนสร้างสำนักปฏิบัติธรรมหลวงพ่อพูล โดยผู้ที่ประสงค์รับเป็นเจ้าภาพกองผ้าป่า สามารถรับเป็นเจ้าภาพในส่วนการสร้างห้องน้ำ ห้องละ 30,000 บาท และการเทลูกรัง พร้อมค่ารถไถ คันละ 1,990 บาท ภายในงานมีการแข่งขันฟุตบอลโดยดาราตลก และมินิคอนเสิร์ต

ภาคเย็น กลับมาที่วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ประกอบพิธีขอขมากรรม ตามตำรับหลวงพ่อพูล ถอนคำสาบาน ถอนคำสาปแช่ง ตั้งสัจจะลดละเลิกสิ่งไม่ดีทั้งปวง ในเวลา 18.09 น. พร้อมกันนี้มีพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกกำไลมหานาคราช แก้วสารพัดนึก และพระพิฆเนศ ลิขิตคเณชา รุ่น นะหน้าทอง

ก็ถือว่าเป็นวันบุญใหญ่ สามงาน สามวาระ ในหนึ่งวัน ท่านที่สนใจก็สามารถติดต่อสอบถามจากช่องทางต่าง ๆ ของวัดไผ่ล้อมได้

ขอเจริญพร