นครปฐม หลวงพี่น้ำฝนยันไม่ได้ไล่คลินิค รพ.นครปฐมพ้นวัดไผ่ล้อม

นครปฐม หลวงพี่น้ำฝนยันไม่ได้ไล่คลินิค รพ.นครปฐมพ้นวัด
********เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานมาจาก จ.นครปฐม ว่า มีกระแสข่าวลือจากชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้าในตลาดนครปฐม พูดร่ำลือเกี่ยวกับเรื่องพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน ไล่พื้นที่ที่ทางโรงพยาบาลนครปฐมมาเปิดอำนวยความสะดวก ให้กับประชาชนและคนไข้ได้ตรวจเจาะเลือดรักษาที่ตั้งอยู่ภายในวัดไผ่ล้อม ทำให้ชาวบ้านต่างไม่พอใจและพูดกันปากต่อปากจนทำให้ทางวัดและทางโรงพยาบาลได้รับความเสียหาย จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปยังวัดไผ่ล้อม อ.เมืองนครปฐม พบว่าเหตุการณ์ยังคงเป็นปกติ มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลปฏิบัติการดังเดิม


*********นอกจากนี้ยังนายแพทย์สุรชัย โชคครรชิตไชย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม ลงเยี่ยมคลินิกเบาหวาน ความดันโลหิตสูงวัดไผ่ล้อม เตรียมความพร้อม เปิดบริการ คลินิกโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงแบบครบวงจร วัดไผ่ล้อม ในวันที่ 1 มีนาคม 2566 เพื่อให้ประชาชนในเขตเทศบาลนครนครปฐม มารับบริการ ตรวจรักษา โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง แบบบูรณาการ โดยทีมแพทย์ พยาบาล ผู้เชี่ยวชาญ จากโรงพยาบาลนครปฐม เพื่อให้ประชาชนเข้ารับบริการได้สะดวก รวดเร็ว มาตรฐานเดียวกับการไปรับบริการที่โรงพยาบาลนครปฐม โดยได้รับความเมตตา จาก พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน ในการขยายบริการ คลินิกเบาหวานความดันโลหิตสูงแบบบูรณาการในครั้งนี้อย่างเต็มที่ ประชาชนมารับบริการได้ในวันราชการ จันทร์ถึงศุกร์ตั้งแต่เวลา 8.30 ถึง 16.30 น. สำหรับบริการเจาะเลือดสามารถมารับบริการได้ตามนัด ตามเวลาเดิม


*********พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่า ทางวัด และโรงพยาบาลได้มีการช่วยเหลือประชาชนมายาวนานกว่า 5 ปีแล้ว รวมถึงอาคารสถานที่ เจ้าหน้าที่วัด เด็กวัด ก็เข้ามาช่วยเหลือกัน รวมถึงอำนวยความสะดวกด้านที่จอดรถ โรงพยาบาลนครปฐมเปิดศูนย์รักษาเบาหวาน ความดัน หัวใจ โรคไต และเจาะเลือด ตั้งใจในช่วงโควิดหนักที่ผ่านมาแล้ว เพราะโรงพยาบาลไม่สามารถที่จะให้บริการและเจาะเลือดได้ จึงมาใช้สถานที่ของวัดไผ่ล้อม ต่อ 1 วันมีผู้เข้ารับการเจาะเลือดไม่ต่ำกว่า 400 คน


*********แต่ซึ่งขณะนี้ ได้มีกระแสข่าวลือแพร่สะพัดออกไปว่า หลวงพี่น้ำฝนจะปิดศูนย์บริการและทางวัดไผ่ล้อมจะไม่ให้ใช้สถานที่ หรือพยายามจะย้ายการดูแลรักษานี้ออกพ้นจากวัดไป หลวงพี่น้ำฝนได้เผยว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงเพราะวัดได้มีการสงเคราะห์อยู่แล้ว เมื่อโรงพยาบาลมาขอความอนุเคราะห์กับวัด อาตมาทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่เด็กวัดไม่ได้มีการรับเงินเดือนใดๆ ทั้งหมดทำด้วยจิตอาสาในการช่วยโรงพยาบาล แต่ทางโรงพยาบาลเห็นว่าทางวัดมีการบริการที่เริ่มแออัดมากขึ้น จึงจะขยายไปที่อุทยานชัยพัฒนา ต้องขึ้นอยู่ว่าทางโรงพยาบาลจะมีการบริหาร จัดการอย่างไร อาตมาไม่สามารถไปก้าวก่ายได้ โรงพยาบาลจะจัดสรรว่า คนไข้ส่วนใดจะไปรักษาที่จุดใด วัดไผ่ล้อมก็ยังให้การอนุเคราะห์เหมือนเดิม แต่เป็นนโยบายของโรงพยาบาลที่ต้องการขยายพื้นที่ออกไปเพื่อลดการแออัดเท่านั้น ………