บวชกาย บวชใจ กลายเป็นคนใหม่ อยู่ให้วัดอาศัย ได้บุญ
เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน ในวันที่อาตมาเขียนต้นฉบับจุดไฟในใจคนประจำสัปดาห์นี้ตรงกับวันตรุษจีนพอดี อาตมาก็ขออวยพรอีกครั้ง แม้วันที่จุดไฟในใจคนเล่มนี้จะถึงมือผู้อ่านล่วงเลยไปแล้วเป็นสัปดาห์ ว่าเนื่องในวันตรุษจีนนี้ อาตมาขออัญเชิญอำนาจบารมีแห่งองค์พระอาทิพุทธเจ้า พระไวโรจนพุทธเจ้า พระอมิตาภพุทธเจ้า พระศากยมุนีพุทธเจ้า พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าทั้งหลายในจักรวาล พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เจ้าแม่กวนอิม และพระโพธิสัตว์ทั้งหลายในโลกธาตุ เทพเจ้าจตุโลกบาล ไฉ่ซิงเอี๊ยะ ไท่ส่วยเอี๊ยะเทพเจ้าน้อยใหญ่ เจ้าพ่อ เจ้าแม่ เหล่าเซียนทั้งหลาย ตลอดจนบุญญาบารมีของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข ได้บันดาลประทานพรแก่ท่านทั้งหลายให้มีความสุขความเจริญ เฮง เฮง รวย รวย กันตลอดทั้งปี มีความสุขสมหวังสมปรารถนาทุกประการ
ปีนี้ถือว่าเป็นปีกระต่าย กระต่ายนั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งการรักษาโรค เวลาท้องอืดท้องเฟ้อเลยต้องกินยาที่มีกระต่ายอยู่ข้างขวด เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี เห็นแล้วจะโชคดี เป็นสัญลักษณ์แห่งความว่องไว หลบลี้หนีภัยได้เสมอ มีความแคล้วคลาดปลอดภัย จึงนับเป็นสัตว์มงคลอย่างหนึ่ง อาตมาก็หวังว่าปีกระต่าย ปีนี้ ทุกคนจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความแคล้วคลาดปลอดภัยทุกประการ
ในปีนี้ วัดไผ่ล้อมก็ยังคงมีโครงการอุปสมบทหมู่เป็นประจำทุกเดือน เป็นโครงการบวชฟรีที่ผู้บวชไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงร่างกายและหัวใจที่พร้อมเข้ารับการขัดเกลา โดยในเดือนนี้ เดือนมกราคม 2566 จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2566 โดยถือเป็นการอุปสมบท ให้อานิสงส์นี้บังเกิดเป็นพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา องค์ผู้อุปถัมภ์การพัฒนาคุณภาพงานราชทัณฑ์ไทยให้มีความเป็นมาตรฐานสากล ซึ่งทางวัดไผ่ล้อมเองก็มีความภูมิใจที่ได้ร่วมสนองพระดำริในเรือนจำมาโดยตลอด จนก่อเกิดผลอย่างงดงามถึงทุกวันนี้
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของโครงการบวชฟรีที่วัดไผ่ล้อม อาตมาพบว่าผู้ที่มาบวชหลายคนนั้น ถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา ก็คือคนชั่ว คนเลว คนเหี้ย ในสายตาคนอื่นมาก่อน บางคนติดเหล้าเมายา จนคนรอบตัวไม่รู้จะจัดการอย่างไร บางคนก็เลยคิดว่า มาฝากไว้กับวัดไผ่ล้อม เอาผ้าเหลืองมาย้อมใจละกัน หวังว่าผ้ากาสาวพัสตร์จะช่วยได้ เพราะที่ผ่านมาทำยังไงก็ไม่ได้ผลแล้ว อาตมาก็ยินดีรับ เพราะอาตมาเห็นมามาก กำราบมามาก คนที่ไม่เป็นผู้เป็นคนเลยเนี่ย มาบวชจนเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้
ถามว่าทำอย่างไร เป็นพระอยู่วัดไผ่ล้อม จะมาอยู่แบบเช้าเอน เพลนอน ค่ำจำวัด ดึกสงัดซัดมาม่า ไม่ได้ ในงานด้านศาสนกิจ พระวัดไผ่ล้อมต้องสวดมนต์เป็น อย่างน้อยที่สุด บทธัมมจักกัปปวัตนสูตร ต้องสวดได้ เพราะเป็นบทสำคัญ เป็นความเรื่องปฐมเทศนา เป็นแก่นพุทธศาสนา ต้องให้ขึ้นใจ และต้องเข้าใจความหมาย ส่วนชีวิตประจำวันนั้น พระวัดไผ่ล้อมจะมีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อวัดและผู้อื่นทำอยู่เสมอ เช่น ปัดกวาดเช็ดถูเสนาสนะ หรือบางรูปก็มาช่วยให้บริการที่หน่วยส่วนหน้าของโรงพยาบาลนครปฐม ซึ่งมาตั้งอยู่ที่วัดไผ่ล้อม หรือกิจกรรมอื่น ๆ ตามที่มีในช่วงเวลานั้น
ถามว่า ได้อะไรจากการนี้ ผ้าเหลืองนั้นทำให้เกิดความสังวร สังวรในศีล เพราะการครองผ้าเหลืองนั้นมาพร้อมกับความเป็นพระ ผ่านพิธีอุปสมบทมา มีศีล 227 ข้อ ถึงจะท่องจำไม่หมดแต่ว่าโดยความคิดของคนปกติแล้วก็ย่อมต้องเข้าใจว่า พระ ต้องเป็นอย่างไร เมื่อเราคิดเห็นแบบนี้แล้วเราก็เกิดความสังวรในตัวเอง ว่าเป็นพระ จะละเมิดความเป็นพระไม่ได้ จะทำอะไรตามใจอยากไม่ได้
การเป็นพระไม่ได้อยู่ให้คนกราบไหว้ แต่อยู่เพื่อขัดเกลาตนเอง แน่นอนว่ามรรค ผล นิพพาน เป็นของทุกคน ทุกคนที่เกิดเป็นมนุษย์ พบพุทธศาสนา ล้วนถือได้ว่ามีพระนิพพานเป็นที่หมายสูงสุด จะในชาตินี้หรือชาติไหนก็ตามแต่ การจะถึงมรรค ผล ได้ ต้องอาศัยการปฏิบัติจึงจะเห็นผล สั่งสมเป็นบุญบารมี การเป็นพระภิกษุสงฆ์ คือการอยู่ในกฎระเบียบ การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำให้เราต้องสังวรตัวเราเอง เป็นสภาพที่เอื้อต่อการปฏิบัติธรรมมากขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดก็คือตัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นอกุศล เป็นการสร้างกิเลส ทำให้เกิดสติในทุกขณะจิตว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ สมแก่ความเป็นพระหรือไม่ ทั้งการยืน เดิน นั่ง นอน
ตรงนี้แหละที่ทำให้คนเรา พอบวชแล้ว กลายเป็นคนใหม่ขึ้นมา ไม่ใช่คนเก่าที่ไม่รู้อะไรเลย เป็นคนใหม่ที่รู้ว่า อะไรควรทำ ไม่ควรทำ อะไรที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ หรือเป็นโทษ ถ้าบวชแล้วได้ตรงนี้ เขาเรียกว่า บวชใจด้วย
บวชใจนี่คือเรื่องที่คนบวชต้องไม่ลืมเลย เพราะบางคนบวชแล้วไม่มีความสังวรในศีล ยังคงกระทำตัวไม่ต่างกับเป็นฆราวาส ไม่ได้ซึมซับอะไรไป แบบนี้เขาเรียกบวชแต่กายแต่ไม่ได้บวชใจ ฉะนั้นถ้ามาบวชที่วัดไผ่ล้อม ก็ต้องบวชใจด้วย อันนี้คือสิ่งสำคัญที่คนที่บวชที่วัดไผ่ล้อมจะได้ไป
และการบวชนั้น อาตมาก็ยังคงถือสองหลักการสำคัญ ได้แก่ หนึ่ง การบวชนั้น ต้องบวชให้วัดอาศัย ไม่ใช่อาศัยวัดอยู่ วัดจะอยู่ได้ก็ด้วยพระด้วยโยม ถ้าพระเอาแต่เกาะวัดอยู่ วัดจะดีมีความงดงามได้อย่างไร และสอง อาตมาสอนเสมอว่า คนเราต้องขยัน ซื่อสัตย์ อดทน รู้คุณคน จบวิชาจากสำนักวัดไผ่ล้อม ก็ต้องมีสี่ข้อนี้ประจำใจ เพราะนั่นคือคุณธรรมที่ทุกคนควรมี เมื่อมีแล้ว ไปไหนก็เรียกว่าตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ มีความสุขความเจริญทุกประการ ขอเจริญพร