ทำเพื่อตัวเองก็อยู่ได้แค่สิ้นลม แต่ทำเพื่อสังคมแม้สิ้นลมก็ยังอยู่
เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา อาตมานั้นเรียกได้ว่าเดินเวียนเข้าออกเรือนจำเป็นว่าเล่น เรือนจำนั้นเป็นที่ที่ไม่มีใครอยากเข้าเว้นแต่คนที่ต้องมีหน้าที่เข้าไปในนั้นโดยตำแหน่ง เช่น ผู้คุม พัศดี เอาจริงแม้คนไม่มีความผิดก็ไม่อยากจะเฉียดใกล้ คนที่เข้าไปแล้วก็มักถูกตีตราว่าเป็นขี้คุกขี้ตะราง พอออกมาก็ไม่มีใครอยากคบหา
เอาจริงก็แปลกดี เพราะสมัยนี้เรือนจำคือที่อบรมบ่มเพาะคนให้กลับคืนเป็นคนดี ไม่ใช่ที่เอาไว้ขังคนเหมือนหมูเหมือนหมา แต่คนก็คงมีภพจำแบบคุกสมัยโบราณว่าจะต้องมีขังเดี่ยว ในที่มืด ๆ เฉอะแฉะ บางทีก็มีโบยตีหรือทรมานต่าง ๆ อย่างที่เราเห็นในหนังโบราณ
อาตมาก็สมัครใจเข้าไป เพราะต้องการเข้าไปร่วมมือกับเรือนจำทำงานสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งอาตมาคิดว่างานใดก็คงไม่ดีเท่างานเรือนจำ เพราะทำบุญกับคนที่โลกลืมนี่แหละดี ได้บุญมาก คนที่ทำบุญกับวัดไผ่ล้อม เมื่ออาตมาได้นำปัจจัยทั้งหลายที่ได้ถวายมานำไปทำก็ได้บุญ อาตมาก็ทำหน้าที่เหมือนสะพานที่นำบุญที่ญาติโยมทำมานั้นกลับคืนสู่ญาติโยมให้เป็นทวีคูณ
ตลอดปีที่ผ่านมา ก็เลยมีหลายโครงการเกิดขึ้นในเรือนจำ เป็นความร่วมมือกับเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐม ซึ่งทุกวันนี้เรือนจำก็พัฒนาไปมาก โดยเฉพาะตั้งแต่มีโครงการในพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังในเรือนจำตามสิทธิพื้นฐานที่พึงมี อาตมาก็เข้าไปร่วมกับเรือนจำนครปฐม ทำโครงการต่าง ๆ เช่น การจัดสร้างห้องพยาบาลในเรือนจำที่สามารถรองรับการรักษาโรคต่าง ๆ ในขั้นเบื้องต้นได้ ใครจะไปคิดว่าเรือนจำนี่ ถ้าผู้ต้องขังป่วยด้วยโรคตาก็มีหมอตา มีเครื่องมือ มีคลินิกย่อม ๆ ให้บริการ แต่ตอนนี้มีอยู่จริง ประเภทที่ว่า ปวดหัวปวดตาปวดขาปวดอะไรก็ให้กินพารา คงจะเป็นตำนานในอีกไม่ช้า
นอกจากห้องพยาบาลขนาดเล็กในเรือนจำแล้ว ก็ยังมีสถานพยาบาลขนาดย่อม ๆ ที่มีเครื่องมือการแพทย์พื้นฐานครบครันสำหรับผู้ต้องขังที่โรงพยาบาลนครปฐม เพื่อให้การรักษา พักฟื้นแก่ผู้ต้องขังที่เป็นผู้ป่วยใน เพื่อให้เกิดความสะดวกทั้งแก่ผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล และประชาชนทั่วไป
โครงการเวทีมวยในเรือนจำ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อาตมาได้ผลักดัน เพราะมวยนี่เป็นกีฬาแห่งชาติของเรา มันอยู่ในสายเลือดคนไทยแหละอาตมาว่าอย่างนั้น มวยเป็นกีฬาที่ต้องใช้พละกำลัง ความกล้าหาญ และสติที่มั่นคง ก็ถือเป็นเครื่องฝึกคนได้ดี อาตมาก็ส่งเสริมให้มีเวทีฝึกซ้อม อย่างน้อยคือเอาไว้เป็นสิ่งป้องกันตัวเมื่อพ้นโทษออกไป หรืออาจจะต่อยอดเป็นอาชีพเลยก็ได้
และที่ขาดไม่ได้ก็คือ การแสดงธรรม อาตมาก็ได้เข้าไปแสดงธรรม จะเรียกว่าบรรยายธรรมก็ได้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำ เน้นว่าการกลับใจนั้นมีอยู่จริง สามารถทำได้ และสามารถประสบความสำเร็จได้ คนคุกมิใช่ว่าจะต้องตกเป็นคนคุกไปตลอดชีวิต พัฒนาตนเองไม่ได้ ไม่ใช่แบบนั้น คนเราสามารถพัฒนาตนเองได้ ไม่ว่าจะมาจากตรงไหนก็ตาม คนจะดีจะชั่ว อยู่ที่ตัวทำทั้งนั้น เป็นคนที่มีสกุล อยู่ในสิ่งแวดล้อมดี จะทำชั่วให้ตกต่ำลงก็ได้ คนที่เป็นคนคุกมาก่อน เมื่อออกมาแล้วประพฤติตนดี ก็ดีขึ้นมาได้ ประสบความสำเร็จได้
อันนี้ก็คือสิ่งที่ได้ทำมา และเป็นบุญของญาติโยมทุกท่าน
ขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 เป้าหมายต่อมาของอาตมาก็คือ โรงเรียน
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข ท่านชอบทำบุญกับโรงเรียน เพราะเด็กคืออนาคตของชาติ ที่วัดไผ่ล้อมนั้น ใกล้ ๆ กันก็มีโรงเรียนแห่งหนึ่ง คือ โรงเรียนวัดไผ่ล้อม ก็อยู่คู่วัดมานมนาน ท่านก็พัฒนาโรงเรียนวัดใกล้วัดของท่านนี่แหละให้เป็นโรงเรียนที่ได้มาตรฐาน เป็นที่พึ่งแก่คนในละแวกวัด เรียกว่าถึงเป็นโรงเรียนวัดแต่ก็มีมาตรฐาน สามารถให้การศึกษาแก่ประชาชนได้อย่างมีคุณภาพ ทุกวันนี้โรงเรียนนั้นมีชื่อต่อท้ายว่า พูลประชาอุปถัมภ์ เป็นการระลึกถึงหลวงพ่อพูลตลอดไป
ทำเพื่อตัวเองก็อยู่ได้แค่สิ้นลม แต่ทำเพื่อสังคมแม้สิ้นลมก็ยังอยู่
ผ่านไปหลายสิบปี สิ่งที่หลวงพ่อพูลทำไว้ก็เริ่มจะทรุดโทรมไปตามกาลเวลา อย่างห้องคอมพิวเตอร์ ห้องคอมพิวเตอร์นี่เอาจริงตกยุคเร็วนะ เพราะเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มันพัฒนาไปเร็วมาก เอาง่าย ๆ สมัยที่หลวงพ่อพูลสร้างห้องคอมไว้ คอมพิวเตอร์ตอนนั้นความจำก็น้อย อินเทอร์เน็ตก็ช้า ที่เก็บข้อมูลนี่ต้องใช้แผ่น ๆ ที่ใหญ่พอกับฝ่ามือเสียบเข้าไป ซึ่งความจำน้อยกว่าแท่งเล็ก ๆ สมัยนี้เสียอีก
ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก คอมพิวเตอร์ที่เคยมีก็ดูจะตกรุ่นตกสมัยไปแล้ว สมัยนี้ทุกอย่างคือเสียบสายหมด ขนาดช่องซีดียังไม่อยากจะใส่มา ครุภัณฑ์ในห้องคอมพิวเตอร์ก็ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ในขณะที่การใช้ห้องคอมพิวเตอร์นี่ยิ่งจำเป็น สมัยนี้เด็ก ๆ ใช้คอมกันเป็น เรียกได้ว่าแทบจะตั้งแต่กำเนิดอยู่แล้ว และทุกอย่างก็ล้วนอยู่ในคอม จะวาดรูป ตัดต่อภาพ วีดีโอ สื่อสาร อ่านหนังสือ ก็อยู่ในนั้นทั้งสิ้น
โครงการแรกในปีนี้ จึงเป็นโครงการพัฒนาปรับปรุงห้องคอมพิวเตอร์ของโรงเรียนวัดไผ่ล้อมแห่งนี้เอง ทั้งในแง่กายภาพของห้อง และการจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ที่ทันสมัย พร้อมรับต่อความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ในโลกเทคโนโลยี ถือเป็นการสานงานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูลต่อ โดยมีเป้าหมายคือ คอมพิวเตอร์ 100 ชุด ราคาตกชุดละ 30,000 บาท ก็นับว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ประกอบที่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการใช้งานของนักเรียน
ก็ถือว่า เป็นการทำบุญกับการศึกษา ได้บุญหนาหนักเป็นนักหนา เพราะเด็กคืออนาคตของชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ ขอเจริญพร
หมายเหตุ – ท่านใดที่สนใจจะร่วมบุญในครั้งนี้ก็สามารถติดต่อวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐมได้ หรือหากประสงค์จะรับเป็นเจ้าภาพชุดเครื่องคอมพิวเตอร์ ก็สามารถติดต่อรับเป็นเจ้าภาพได้เช่นกัน