ส่งท้ายปีเก่า สวดมนต์ข้ามปี เพื่อชีวิตใหม่ที่รุ่งเรือง
เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน จุดไฟในใจคนฉบับนี้เป็นจุดไฟในใจคนฉบับสุดท้ายของปี 2565 นับว่าจุดไฟในใจคนได้จุดไฟในใจผู้อ่านมาแล้วนานหลายปี มีเรื่องราวต่าง ๆ มากมายได้ถูกถ่ายทอดออกมาให้ผู้อ่านได้เห็นถึงความจริงของโลก บางเรื่องก็เป็นความจริงที่น่าเหลือเชื่อ แต่มันเกิดขึ้นจริง ๆ ในโลกบ้า ๆ ใบนี้ ที่มีอะไรมากมายเกิดขึ้น ทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป
โลกมันบ้า มันมีกิเลส ตัณหา เต็มไปหมด คอยยั่วให้เราไปเต้นตามระเริงตาม จนสุดท้ายเราก็บ้าตาม แต่มนุษย์อย่าบ้าตามโลก พระพุทธเจ้าสอนให้เราไม่บ้าตามโลก จุดไฟในใจคนคือการนำพุทธธรรมมาบำบัดจิตบำรุงใจของเราทุกคนที่อยู่ในโลกอันบ้าบอแห่งนี้ ให้สามารถยืนหยัดอยู่บนโลกใบนี้ได้โดยไม่บ้าตามโลก
ทีนี้มาถึงวันส่งท้ายปีเก่า จุดไฟในใจคนฉบับนี้จะไปถึงมือผู้อ่านในวันส่งท้ายปีเก่าพอดี เอาเข้าจริงแล้วการส่งท้ายปีเก่านั้น การกำหนดปีปีหนึ่งก็เป็นเรื่องสมมติที่เกิดจากการที่มนุษย์เฝ้าสังเกตดวงดาว สังเกตจนเห็นว่าดวงดาวได้กลับมายังที่เดิม ใบไม้ที่เคยเต็มต้นร่วงลงแล้วงอกใหม่ จากร้อน ฝน มาเป็นหนาว แล้วกลับมาร้อน มนุษย์เห็นวัฏจักรเช่นนี้จึงกำหนดขึ้นเป็นหนึ่งปี พอถึงเวลาครบกำหนด ชาวโลกก็จะมาเฉลิมฉลองกันตามประเพณีนิยมของตน เพราะถือว่าวันเวลาได้เวียนมาครบปีหนึ่ง ควรได้ทบทวนสิ่งที่ผ่านมา และเริ่มอะไรใหม่ ๆ ในปีใหม่ เหมือนกับปีนี้เราได้เก็บเกี่ยวพืชพันธุ์แล้ว ปีหน้าเราก็จะหว่านใหม่ เราก็คิดว่าปีนี้ได้ผลดีหรือไม่ดี ได้มากหรือได้น้อย เพราะอะไร น้ำท่วม ฝนแล้งไหม แล้วปีหน้าเราจะทำอย่างไรให้ดี มีผลผลิตมาก และตั้งความหวังว่าปีนี้ฝนจะพอดี น้ำจะไม่ท่วม พืชพันธุ์ของเราจะได้งอกงามในปีใหม่ที่จะมาถึง เทศกาลปีใหม่จึงเป็นทั้งการเฉลิมฉลอง และการปลุกใจให้มีความหวังสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป
คนไทยเรานั้น แต่ก่อนปีใหม่กันหน้าร้อน คือเดือนเมษายน คตินิยมของเราก็คือการขับไล่ความเป็นอัปมงคลออกไป เพื่อจะได้เข้าสู่ปีใหม่อย่างปราศจากทุกข์โศก เดือนต่อไปก็จะได้เข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูก เริ่มทำไร่ไถนากัน พอถึงสิ้นปีก็ต้องมีสวดมนต์ สวดอาฏานาฏิยปริตรด้วยท่วงทำนองดุดัน ยิงปืนใหญ่ ขับไล่สิ่งชั่วร้ายไปจากบ้านเมือง พอขึ้นปีใหม่ก็เฉลิมฉลองกัน แต่สมัยหลังมาเราก็เปลี่ยนไปถือวันขึ้นปีใหม่ตามอย่างชาติตะวันตก คือ วันที่ 1 มกราคม ของเดิมนั้นก็เลยเป็นปีใหม่ไทยที่เราเรียกกันว่าสงกรานต์นั่นเอง
พอเรามาเอาตามประเพณีฝรั่ง เราก็ถือตามอย่างฝรั่งด้วยที่จะมีการเฉลิมฉลองต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะในช่วงคาบเกี่ยวข้ามปี นับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่กัน แต่ก็มีชาวไทยไม่น้อยที่ยังคงปฏิบัติตามประเพณีเดิมของไทย คือต้องทำบุญปีใหม่ ตักบาตร ไหว้พระพุทธรูป สักการสถานสำคัญต่าง ๆ ในบ้านเมือง หรือยิ่งกว่านั้น ก็คือการสวดมนต์ข้ามปี
สวดมนต์ข้ามปี กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในระยะ 15-20 ปีมานี้ เป็นการอนุโลมตามประเพณีฝรั่งที่มีการนับถอยหลังข้ามปี พอถึงเวลาเที่ยงคืนตรง เราก็สวดมนต์ข้ามปีไปเลย ถือว่าเราได้เริ่มต้นปีใหม่ด้วยการสวดมนต์ รับพร ซึ่งการสวดมนต์นี้ก็เป็นบุญแก่ตัวผู้สวด เป็นพรแก่ผู้ได้ฟัง ได้ทั้งสวด ได้ทั้งฟัง ก็ได้ทั้งบุญได้ทั้งพร เป็นสิริมงคล ปัจจุบันเราจะพบว่า แทบทุกวัด ทุกจังหวัด ทั่วไทย และอาจรวมถึงวัดไทยในต่างประเทศ ก็จะจัดสวดมนต์ข้ามปี และมีแนวโน้มว่าผู้คนจะมากขึ้นทุกปี ยิ่งตอนใกล้เที่ยงคืน คนก็แทบจะล้นวัด
ในการส่งท้ายปีเก่า 2565 ขึ้นปีใหม่ 2566 นี้ อาตมา และคณะสงฆ์วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ได้ร่วมมือกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในการจัดพิธีสวดบูชาเทวดานพเคราะห์ และสวดมนต์ข้ามปี ณ พุทธมณฑล ในค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ต่อเนื่องสู่วันใหม่ วันที่ 1 มกราคม 2566 ณ มณฑลพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาของประเทศไทย มีพระพุทธรูปสำคัญเป็นประธาน คือ พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ อันมีความสง่างามและศักดิ์สิทธิ์ ในพิธีจะได้สวดบูชาเทวดานพเคราะห์ ตามประเพณีดั้งเดิม เสริมสิริมงคลปีใหม่ ด้วยวิถีไทย วิถีพุทธ เริ่มต้นปีใหม่ด้วยความเป็นสิริมงคล ให้ความสุขความเจริญบังเกิดมีแก่ทุกคนทุกท่าน ตลอดปี 2566 นี้ ให้ความเจริญรุ่งเรืองเกิดมี สำเร็จสมหวังทุกประการ
นอกจากนี้ ยังถือเป็นการถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เจ้าฟ้าผู้เป็นพระมิ่งขวัญของชาวไทยให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว ให้มีพระพลานามัยกลับมาแข็งแรงดังเดิม
จึงขอเจริญพรเชิญชวนสาธุชนทั้งหลายมารวมพิธีได้ ณ พุทธมณฑล ในค่ำคืนส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2566 นี้ และสำหรับผู้ที่ได้อ่านหลังจากพ้นวันที่ 31 ธันวาคม ไปแล้ว ขอกล่าวว่า สวัสดีปีใหม่ 2566 ขอให้มีความสุขความเจริญโดยถ้วนหน้ากัน
ขอเจริญพร